ข้อความต้นฉบับในหน้า
การครองคน-ครองงาน
แต่โง่นะ มันต้องรู้จักไตร่ตรองเข้าใจทำด้วย ขยันด้วย ฉลาดด้วย ถ้า
อย่างนี้จึงใช้ได้
สรุปว่าฝ่ายลูกจ้างให้ตรวจสอบตัวเองในการทำงานว่า เต็มใจ
ทำ แข็งใจทำ ตั้งใจทำ แล้วก็เข้าใจทำหรือเปล่า
ส่วนนายจ้างให้สำรวจข้อบกพร่องตัวเองว่า ในขณะที่ลูกจ้าง
เขามีใจพร้อมที่จะทำงานแล้วนั้น เราซึ่งเป็นนายจ้างมีสิ่งเหล่านี้ให้
เขาหรือเปล่า ได้แก่
๑. เรามี “ความเมตตา” แบ่งงานให้เขาทำพอเหมาะกับความ
รู้ความสามารถของเขาหรือไม่ รวมทั้งจ่ายค่าแรงพอเหมาะกับงาน
พอเหมาะกับค่าครองชีพหรือเปล่า
๒. เวลาที่เขาต้องลำบากลำบนแข็งใจทำงาน ต้องลำบาก
ลำบนทนแดด ทนลม ทนฝน ทนเหนื่อยอยู่นั้น เรามี “ความกรุณา”
ให้สวัสดิการกับเขาเต็มที่หรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคราวป่วยคราวไข้
เราดูแลเขาเต็มที่ไหม ไม่ใช่ยามดีก็ใช้ ยามไข้ก็ปล่อยทิ้ง นายจ้างที่ดี
นั้นต้องถือคติว่า ยามดีก็ใช้ ยามไข้ก็รักษา คือมีความกรุณากันให้
เต็มที่ด้วย
๓.
ในขณะที่ลูกจ้างตั้งใจทำงานสุดฝีมือ เราได้ส่งเสริม ได้
สนับสนุนให้มีการฝึกฝีมือเพิ่มขึ้น มีการอบรมหลักสูตรเฉพาะให้เขาหรือ
เปล่า แถมกระทั่งว่าสิ้นปี เรามีโบนัสให้เขาหรือเปล่า ต้องชูกำลังใจ
กันบ้าง แล้วไม่ใช่ให้กันนิดหน่อย ต้องเต็มที่เลยนะ ภาษาพระใช้ว่ามี
“มุทิตา”
๔. ข้อนี้สำคัญที่สุด เมื่อเราได้พบลูกจ้างที่เขาเต็มใจทำงาน
แข็งใจทำงาน ตั้งใจทำงาน และเข้าใจหรือฉลาดทำงานด้วยอย่างนี้
เราได้ให้ “อุเบกขา” หรือความเป็นธรรมแก่เขาพอไหม ไม่ใช่เวลา
ห ล ว ง พ่ อ
23
ตอบ ปั ญ ห า