ข้อความต้นฉบับในหน้า
การครองคน-ครองงาน
วัดพระธรรมกายอยู่ชานเมือง คนกรุงเทพฯ ไปมาสะดวก ก็
มากันมาก พอคนมาวัดมากๆ ก็ต้องมีพื้นที่ให้เขานั่ง ให้เขาเดิน ยิ่งคน
มามากก็ยิ่งต้องเตรียมพื้นที่มากเป็นธรรมดา แล้วก็ต้องปลูกต้นไม้ ให้
มีความร่มรื่น เย็นสบาย และต้องประกอบกับมีการเทศน์การสอนที่ดี
ด้วยนะ
ในระยะ ๑๐ ปีแรก (พ.ศ. ๒๕๑๔-๒๕๒๔) ประชาชนมาวัด
พระธรรมกายอย่างมากในวันอาทิตย์ประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ คน ก็มีอยู่
เท่านั้น ถ้าวันอาทิตย์ต้นเดือนก็ประมาณหนึ่งพันกว่าคน เราลงมือ
สำรวจออกแบบสอบถามสารพัด ก็ได้ความว่า ที่มา ๔๐๐-๕๐๐ หรือ
แค่พันเดียวในวันอาทิตย์ต้นเดือน เพราะว่าไม่สะดวกหลายประการ เช่น
ประการที่ ๑ เรื่องรถ ที่ไม่สะดวกหมายถึงต้องต่อรถมาหลาย
ต่อ ผู้ใหญ่โดยเฉพาะผู้สูงอายุพอต่อรถหลายต่อก็ไม่สะดวกแล้ว ส่วน
เด็กโดยเฉพาะนิสิตนักศึกษาที่ไม่สะดวก เพราะไม่มีค่ารถ ถามว่าอยาก
มาวัดไหม? อยากมา แต่ว่าไม่มีค่ารถ
ประการที่ ๒ ไม่มีค่าอาหารกลางวัน โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษา
เขาโน๊ตแถมมาว่า ถ้าหลวงพ่อจัดรถแล้ว จัดอาหารกลางวันให้ด้วยก็
จะมา ทำให้นึกถึงตัวเองเมื่อตอนสมัยเป็นนิสิตนักศึกษา เคยมีสภาพ
อย่างนี้มาก่อนเหมือนกัน ที่บ้านหลวงพ่อไม่ร่ำรวยอะไรหนักหนา ตอน
เรียนก็ต้องกระเบียดกระเสียน พอสิ้นเดือนที่จะมีแค่เงินติดกระเป๋าอยู่
๑๐-๒๐ บาท เป็นค่ารถกลับบ้าน ไปขอเงินเดือนใหม่สำหรับมาใช้
เดือนต่อไป ก็มีอยู่แค่นั้น ตรงกับที่เด็กเขาบ่นมา เพราะ มีหัวอกเดียวกัน
เลยต้องจัดรถให้ พร้อมกับมีอาหารกลางวันให้ด้วย
พอเราแก้ได้ถูกจุดอย่างนี้ จำนวนคนมาวัดก็เพิ่มขึ้น จาก
อาทิตย์ธรรมดา ๔๐๐-๕๐๐ คน ก็เพิ่มพรวดขึ้นมาเป็น ๒,๐๐๐ ถึง
พระภาวนาวิริยคุณ 46 (เผด็จ ทัตตชีโว)