ข้อความต้นฉบับในหน้า
4
แม้เงินทอง บ้านช่องห้องหอ ไม่มีชีวิตจิตใจ ก็ยังมีลักษณะเช่นเดียวกัน สิ่งนี้แหละที่มนุษย์เทิดทูนไว้ แล้วพากันเมามัว
จมติดอยู่อย่างนั้น ทั้งที่ตัวเองก็มีทุกข์อันไม่พึงปรารถนาอยู่ทุกลักษณะอย่างครบครันแล้ว ยังตะเกียกตะกาย ไปเสาะแสวง
หา สิ่งที่มีทุกข์ลักษณะเช่นนี้เข้ามาผูกติดไว้กับตัว ให้เป็นทุกข์ซ้อนทุกข์อีก
เมื่อเป็นหนุ่มดูงามสง่า ครั้นแก่ชราเนื้อหนังเหี่ยวย่น ทนทุกข์ด้วย ความเจ็บไข้ หมอคนไหนก็ไม่อาจป้องกัน
สกัดกั้นความตายไว้ได้ เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว ก็ยังความเศร้าโศกให้แก่หมู่ญาติอีกต่อหนึ่ง
หนทางพ้นทุกข์ พบสุขแท้จริง
อยู
ไม่ว่าใครก็มีทุกข์ทั้ง 6 ลักษณะนี้ประจำกาย ไม่เว้นแม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์
ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงมุ่งมั่นบำเพ็ญเพียร เสาะแสวงหาที่สิ้นสุดแห่งความทุกข์ มาทุกภพทุกชาติ แม้ในพระชาติ
สุดท้าย ด้วยเจตน์จำนงอันแน่วแน่ที่จะช่วยเหลือพระองค์เองและชาวโลก ให้หลุดพ้นจากห้วงสังสารวัฏ คือการเวียนเกิด
เวียนแก่ เวียนเจ็บ เวียนตายไม่รู้จบ
ดังพุทธดำรัสวา
"ครั้นได้รู้สึกถึงโทษอันต่ำทราม 6 ประการนี้แล้ว เราจึงแสวงหาความสุขจากนิพพาน อันไม่มีความเกิด
เป็นธรรมะอันเกษมจากเครื่องร้อยรัด ไม่มีธรรมะอื่นยิ่งกว่า"
เมื่อบรรลุพระนิพพานแล้วก็มิได้ทรงรอช้า ทรงจาริกไปทุกหนทุกแห่งเพื่อแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ให้มากที่สุด
ทรงหวังให้พระปฏิญญาในอันที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ออกจากกองทุกข์ได้สัมฤทธิผลโดยสมบูรณ์
การเสาะแสวงหาอามิสสุขซึ่งไม่ต้องอิงวัตถุภายนอกนั้น มิใช่สิ่งที่จะหาพบกันได้ง่าย ๆ ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้
ทรงอุบัติขึ้น ใครเล่าจะเป็นผู้ชี้แนะ แม้พระองค์เองก็เถอะ กว่าจะทรงพบความสุขชนิดนี้ ก็ต้องทรงบำเพ็ญเพียรอย่างยิ่งยวด
ในพระชาติสุดท้ายถึง 6 ปี แทบจะสิ้นพระชนม์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในที่สุดก็ทรงค้นพบ และสามารถชี้แนะกุศโลบาย อันเป็น
ทางตรงสู่พระนิพพาน ดวยการ บรรพชาวา
"ฆราวาสเป็นที่คับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี ส่วนการบรรพชาเป็นโอกาสสว่าง ผู้อยู่ครองเรือน
จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วยดีเหมือนสังข์ที่ขัดแล้วย่อมไม่ได้ ถ้าไฉนเราจึงปลงผมและหนวด
ครองผ้าย้อมฝาด ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีประโยชน์เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด"