ข้อความต้นฉบับในหน้า
32
4. ทำให้ได้ฝึกวินัย และเข้าใจวัฒนธรรมในการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เป็นคณะ ถ้าบวชแล้วตั้งใจฝึกฝนอบรมตนอย่างจริงจัง
สีกออกไปแล้วจะเป็นคนรักวินัย
คนไทยส่วนมากมักจะไม่สังเกตทั้ง ๆ ที่มีพระเป็นตัวอย่างทางวินัยให้ดู เช้าขึ้นก็เดินออกไปบิณฑบาตกันเป็นแถว
สวดมนต์หรือฟังเทศน์ท่านก็นั่งเป็นแถว เพราะฉะนั้นคนที่เคยบวชแล้วความมีวินัยก็จะติดเป็นนิสัยไปด้วย
5. ทำให้ได้ฝึกสมาธิ ทำจิตให้สงบ ซึ่งเป็นผลดีต่อการศึกษาต่อไปภายหน้า
6. เกิดความปลื้มปิติยินดี ที่ได้ทำความดีไว้แล้วตั้งแต่ยังเยาว์ ปิตินี้จะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงใจอยู่เสมอ ถึงคราวจะตาย
ก็ไมหวงหนา พะวงหลัง
คนหนุ่มคนสาวมักมองโลกไปข้างหน้า คิดสร้างอนาคตอย่างนั้นอย่างนี้ ส่วนคนเฒ่าคนแก่จะเหลียวมองข้างหลัง คือ
ถ้าเหลียวหลังไปดู เราได้ทำความดีอย่างนั้น ๆ นึกแล้วก็ชื่นใจ แต่ถ้าแก่แล้ว เหลียวหลังไปดู หาดีไม่ได้ ก็จะได้ความ
เหี่ยวใจเป็นเครื่องตอบแทน ตอนใกล้ตาย ก็จะตายแบบใจเหี่ยว ตรงกันข้าม ถ้าเคยบวช เคยทำความดีมาก่อน ก็จะปลื้ม
ปีติว่าได้ทำความดีไว้ แม้จะตายก็ตายดี ตายอย่างคนที่ใช้ชีวิตคุ้มค่ามาแล้ว
7. ทำให้รู้จักเป้าหมายของชีวิตที่แท้จริงว่า เกิดมาทำไม เพราะฝึกแล้วรู้ว่า ทำให้กิเลสหมดไปได้
เกิดเป็นความสุขภายในขึ้นมาตามลำดับ จะได้แก้ไขปรับปรุงตัวเองได้อย่างถูกต้อง
8. ทำให้มีความอดทน ไม่หวั่นไหวในอุปสรรค
ตลอดเวลาที่บวชอยู่ สะสมอาหารไว้ไม่ได้ พรุ่งนี้เช้าจะมีฉันหรือไม่ ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าออกบิณฑบาตแล้ว จะได้กลับมาฉัน
ทุกวัน บางวันก็ไม่ได้ ยิ่งไปต่างจังหวัดจะเห็นชัด บางจังหวัดไปแล้วรักน้ำใจพระบางองค์ ไปเยี่ยมวัดท่านตอนใกล้เพล
ถึงกับท่านก็นิมนต์ เดี๋ยวฉันด้วยกันนะ ท่านยกข้าวปลาอาหารที่บิณฑบาตตอนเช้า มีเหลือถึงตอนเพล เหลือบไปดู ท่าน 3
องค์มีปลาทูอยู่อีกเดียว แล้วยังนิมนต์อาตมาให้ฉันด้วยอีกองค์หนึ่ง ครั้นเรามองไปที่ฝา ท่านยังบอกต่อ ไม่เป็นไร น้ำปลา
เรามีอีกตั้งขวดเบอเรอ
นอกจากนี้ ยิ่งไปนอนในกลด อยู่โคนไม้มาด้วย ได้ผ่านชีวิตมาอย่างนี้แล้ว ต่อไปจะมีแต่ความอดทน ไม่กลัว
อุปสรรค ประเภทที่เคยหยิบโหย่งมาเท่าไร ๆ นอนห้องแอร์มาเท่าไร ๆ มาเจอฉันในบาตร ปักกลดอยู่ตามโคนไม้
โรคสำออยหายเป็นปลิดทิ้ง ขึ้นสำออยอยู่ มดหามตาย นี่ได้มาอย่างนี้
9. ทำให้รู้จักตนเอง คือ รู้ว่าตัวเองมีความรู้ ความสามารถมีคุณธรรมแค่ไหน เพียงใด