ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อกล่าวจบ 3 ครั้งแล้ว ก็ถือว่าสำเร็จเป็นสามเณร จากนั้นจึงให้สามเณรรับสิกขาบท 10 ประการ คือ
1. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำร้ายชีวิตสัตว์
2. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้
3. อพรหมจริยา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติอันไม่ประเสริฐ (เสพเมถุน)
4. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการพูดเท็จ
5. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราของมึนเมาเสพติดให้โทษอันก่อให้เกิดความประมาท
6. วิกาลโภชนา เวรมณี งดเว้นจากการฉันโภชนะในเวลาวิกาล
7. นัจจคีตวาทิตวิสูกทัสสน เวรมณี งดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้องประโคมดนตรี และดูการเล่นต่าง ๆ
อันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์
8. มาลาคันธวิเลปน ธารณ มัณฑนวิภูสนัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการทัดทรงประดับตกแต่งด้วยดอกไม้
ของหอมและเครื่องย้อมทา ลูบไล้
9. อุจจาสยน มหาสยนา เวรมณี งดเว้นจากการนอนที่นอนสูงใหญ่
10. ชาต รูป รชต ปฏิคคหญา เวรมณี งดเว้นจากการรับทองและเงิน
แม้การบรรพชาจะสำเร็จด้วยไตรสรณคมน์ เท่านั้น แต่สิกขาบทก็มีความสำคัญต่อความเป็นสามเณร ถ้าสามเณร
ล่วงละเมิดสิกขาบทข้อใดข้อหนึ่งเฉพาะ 5 ข้อข้างต้น สรณคมน์ของสามเณรนั้นย่อมระงับไป ถือว่าขาดความเป็นสามเณร
ส่วนการบวชเป็นพระภิกษุนั้น กระทำมาแต่ต้น เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ไม่นานนัก พระพุทธองค์ทรงประทาน
อุปสมบทด้วยพระองค์เอง เรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา โดยตรัสว่า
"จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์ให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์เถิด"
พระภิกษุรูปแรกที่บวชด้วยวิธีนี้ คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ นับเป็นพระสงฆ์รูปแรกในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์
ทรงอุปสมบทให้ หลังจากทรงแสดงปฐมเทศนาเรื่องพระธรรมจักกัปปวัตนสูตร ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แล้วทำให้
พระอัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมสำเร็จเป็นพระโสดาบัน
ต่อมาทรงอนุญาตให้อุปสมบท ด้วยวิธีไตรสรณาคมณ์ เรียกว่า ติสรณ คมนูปสัมปทา คือไตรสรณคมณ์ เช่นเดียว
กับสามเณร แต่รับสิกขาบทของพระภิกษุ
ครั้งสุดท้ายทรงปรับปรุงวิธีการให้พระสงฆ์อุปสมบทด้วยวิธี ญัตติจตุตถกรรมวาจา ซึ่งใช้กันมาตราบเท่าทุกวันนี้
12