ข้อความต้นฉบับในหน้า
33
เมื่อก่อนเราก็ว่าเราเก่ง แต่พอมาบวชแล้วได้ฝึกตน รู้เลยว่า จริง ๆ แล้ว ความสามารถแค่ไหน แต่เราได้พัฒนา
ปรับปรุงตัวเองขึ้นมาได้อีกระดับหนึ่ง อย่างที่ภาษิตจีนว่า "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว
ทำให้เราประมาณฝีมือหรือความสามารถของตัวเองได้ กลายเป็นผู้รู้จักประมาณตน ซึ่งการที่จะรู้จักตัวเองนั้นเป็นเรื่องยาก
แต่การรู้จักคนอื่นนั้นง่าย คนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ วิจารณ์ได้สารพัด แต่ตัวเองเป็นอย่างไร ดูทีไรก็ดีทุกที
หลังจากบวชแล้ว เจอวินัย เจอกิจวัตร จึงรู้ว่า แต่ก่อนนึกว่าเราเก่งไม่เบา ที่ไหนได้ไม่ได้เรื่องเลย
10. ทำให้เป็นคนมีเหตุมีผล
11. ได้ชื่อว่าได้ชำระโทษทางกาย วาจา ใจ ให้สิ้นไป เพราะ
ศีล ชาระโทษทางกาย วาจา
สมาธิ ชำระโทษ ทางใจ
ปัญญา ชำระโทษทางสันดาน ให้เป็นคนมีสัมมาทิฏฐิ
12. ได้ชื่อว่า "ปฏิบัติบูชา" ซึ่งเป็นการบูชาอันสูงสุด แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ ก็ตาม
13. ทำให้มีโอกาสเอาชนะกิเลสได้ระยะหนึ่ง จึงมีเชื้อสายแห่งความเป็นผู้ชนะ
คนเราเมื่อมีเชื้อแห่งความชนะแล้ว ต่อไปเห็นอะไรก็ไม่ท้อเพียรจนสำเร็จได้ การปฏิบัติตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงสอนไว้อย่างเคร่งครัด จนสามารถเอาชนะกิเลสได้ในการบวชระยะสั้น ๆ นั้น ย่อมเกิดกำลังใจว่า เราก็มีฝีมือ ฉะนั้น
การดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายนั้น แม้จะยากยิ่ง
แต่ก็มิใช่สิ่งที่เหลือวิสัย ใจสู้ขึ้นมาเมื่อไหร่ หนทางข้างหน้าก็ไปได้ไม่ยาก
14. ทำให้แสวงหาความสุขได้มากที่สุด เท่าที่มนุษย์จะพึงมีพึงได้
15. ได้ชื่อว่า เป็นผู้มีกำไรชีวิตแล้ว เพราะได้กระทำกรรมที่บริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ
16. ได้ชื่อว่าเป็นผู้เริ่มถางทางไปพระนิพพานแล้ว ส่วนจะได้เท่าไรนั้น ไม่ต้องห่วง เพราะเมื่อได้เริ่มต้นหนึ่งแล้ว สอง
สาม สี่ ห้า....ก็จะตามมาเอง แต่ถ้ายังไม่ได้เริ่มก็ยังอยู่ที่ศูนย์นั่นแหละ ตายเปล่าไปอีกชาติหนึ่ง
นี่คืออานิสงส์โดยย่อของการบวชชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ก่อนที่จะปล่อยให้เด็กในปกครองของท่าน ไปหลงอยู่กับความเพลิด
เพลินทางโลก หรือติดอบายมุขนานาชนิด ท่านที่เป็นพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ควรรีบสนับสนุนเขา ให้ได้มาบวชในพระบวร