อานิสงส์ของการสวดมนต์และการเจริญภาวนา : หน้า 22/34

22 22 กรุงวอดวาย พระไตรปิฎกและพระคัมภีร์ต่าง ๆ ถูกไฟไหม้ไปมากต่อมาก แต่ท่านเหล่านั้นก็สามารถเขียนขึ้นใหม่ได้ เพราะทุกวรรคทุกตอนถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำของท่านหมด เราจึงยังคงมีพระไตรปิฎกไว้ศึกษากันอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ อานิสงส์ของการสวดมนต์ทำวัตร 1. ทำให้จิตใจผ่องใส ตั้งมั่นเป็นสมาธิ และชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลาที่สวด 2. ทำให้เกิดความพร้อมเพรียงในหมู่คณะ 3. เป็นการรักษาประเพณี ทำให้เกิดขวัญและกำลังใจ 4. เป็นการรักษาพระปริยัติธรรม คือ พระธรรมคำสั่งสอนให้มั่นคงสืบไป 5. ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง แม้ที่สุดการสวดมนต์ยังเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้รักษาโรคติดอ่างได้ เพราะเสียงสวดมนต์ในภาษาบาลีส่วนมากเป็นสระเสียงแท้ ซึ่งเปล่งออกมาจากศูนย์กลางกาย การเจริญภาวนา คือการฝึกเจริญสมาธิ เพื่อให้เข้าถึงธรรมกาย ผู้ฝึกภาวนามากเข้า ๆ ทั้งสติและสมาธิจะดีขึ้น จิตใจจะละเอียดอ่อน ชุ่มชื่น มีกำลังใจเพิ่มขึ้นตามลำดับ ใจที่ละเอียดอ่อน นุ่มนวล เป็นใจที่มีพลัง ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งที่มา กระทบ ไม่วาจะหนักหนาสาหัสปานใดก็ตาม ใจของคนเราคล้าย ๆ กล้ามเนื้อ เวลาเราเคล็ด ขัด หรือยอก กล้ามเนื้อ จะแข็งเป็นลำเป็นก้อน แสดงว่ากล้ามเนื้อ หมดแรงแลว ส่วนกล้ามเนื้อที่ไม่เคล็ด ขัดหรือยอก เป็นกล้ามเนื้อนิ่ม ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า มีความยืดหยุ่นสูง หนังสติ๊กหรือ หนังยาง ถ้ากระด้าง ๆ ไม่ได้ความ แตถานุม ขยายตัวได้เยอะ นั่นแหละมีพลังสูง ใจคนก็เช่นกัน ยิ่งนุ่มนวลมากก็ยิ่งมีพลังมาก จะประกอบกิจการใด ๆ ย่อมประสบแต่ผลสำเร็จ ส่วนใจที่กระด้าง กระทบนิดกระทบหน่อยก็โกรธ หน้าคว่ำ หน้าหงิก ใจชนิดนี้เป็นใจที่อ่อนกำลัง ย่อมประกอบกิจการใด ๆ ให้สำเร็จได้โดยยาก 5. พิจารณาปัจจเวกขณ์ ปัจจเวกขณ์ แปลว่า การเพ่งพิจารณาอย่างรอบคอบละเอียดลออ คนที่จะเจริญก้าวหน้าทั้งทางโลกและทางธรรม ต้องเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ชอบพินิจพิจารณา พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเป็นคนลวก ๆ ชาตินี้เอาดีไม่ได้ ถ้าเป็นคนละเอียด ช่างพินิจพิจารณา อยู่ที่ไหนก็เจริญ ๆ