ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อיבรมเต็มเปี่ยม หากเกิดเป็นชาย ในชาติที่เกิดมาเจอพระสัมพุทธเจ้าจะได้ รับการบวชแบบ เอกิกขูอุปสัมปทา คือ พระสัมพุทธเจ้าประทานการบวชให้ด้วย พระองค์เอง แต่โจรบวชแบบนี้ได้ต้องสัมม บุญบารมีมาในภพดีอย่างมหาศาลเลย ที่เดียว อีกทั้งก่อนบวชก็ต้องบรรลุธรรมเป็น พระอริยบุคคลตั้งแต่ พระโสตบัณฑิต ขึ้นไป และ เมื่บรรลุแล้ว พระสัมพุทธเจ้าก็ต้องทรง ตรวจตราด้วยญาณทัศนะของพระองค์ก่อนว่า.. ผู้ที่จะบวชมีบุญจากการถวายบาตรและจิวร มามากพอหรือไม่ เพราะการบวชแบบนี้ มาตรและ จิวรวาจะเกิดขึ้นด้วยฤทธิ์ ซึ่งเทวดาจะเป็น ผู้มานิมิตให้ โดยอาศัยกำลังบุญของผู้บว ช้ำกุบาลน้อย ผู้เนรมิตก็จะเป็นเทวดา ระดับหัวหน้าเขต ถ้ากำลังบุญปานกลาง ผู้เนรมิตก็จะเป็นเทวดาระดับหัวสักเทวาราช หรือพระอินทร์ แต่ถ้ามีกำลังบุญมาก ผู้เนรมิต ก็จะเป็นโพธิรมนในวันพุทธพบโลกเลยทีเดียว ถ้าพระสัมพุทธเจ้าทรงตรวจ ดูด้วยญาณทัศนะแล้วพบว่า ผู้บวชมีบุญจาก การถวายบาตรและจิวรามากพอ (ในกรณีที่ ผู้บวชบรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป แต่ยังไม่บรรลฺอริยผล) พระสัมพุทธเจ้า จะประทานการบวชให้ โดยการเหี่ยดย พระหัตถ์ขวาออกไป แล้วเปล่งพระสุรเสียงว่า "จงเป็นภิกษามาเกิด เธอจงประพฤติดีพรหมจรรย์ เพื่อกระทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกโดยถอชเชนิด" และด้วยอำนาจบุญก็จะบังเกิดองค์พระขนาดใหญ่มาหน้าตัก 20 วา เปล่งรัศมีเดจจ่างไสวครอบคลุมร่างของ ผู้บวช ซึ่งตามบุญจะมองไม่เห็น เพราะเป็น ของละเอียด จะเห็นก็เพียงแค่ความสง่าที่พรึบ ขึ้นมามเท่านั้น จากนั้นสนมนบัศจะรึสันจาก คุกหัศลกายเป็นแพศุมณะ ครณ์จิรและ สะพายบาตรอันเป็นทิพย์ที่สังเร็จด้วยบุญกิ สันทันที แต่ถ้าพระสัมพุทธเจ้าทรงตรวจ ตราด้วยญาณทัศนะแล้วพบว่า ผู้บวชไม่ได้ เคยถวายผ้าไตรจีวรบำราญเลย แม้บรรลุ อรหัตผลแล้ว ก็ downgให้ไปแสดงหาผ้ามาทำจีวร ก่อน พระองค์จะประกาสให้บวชให้ เหมือน ในกรณีของ พระพัทธยะ ซึ่งไม่เคยเป็นบุญจาก การถวายผ้าไตรจีวรบำราญเลย ทำไมจะหวังไปทยารที่เคยผูกเวรกันมาจากอดีตชาติได้ง่ายก็ถี เพราะผูกเวรกับมาจากอดีตชาติเป็นสมุติ ของลูกอ่อน แล้ววั่มมีท่านวดตามในพื้นที่ นั้นๆ กวทอถูญินและายฟังใดก็จร จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ควรไปได้ เพราะ ลักษณะหนึ่งในอนาคตหรือชาตใดชาตหนึ่่ง