ข้อความต้นฉบับในหน้า
แก้ตัวเป็นลูกฉบับไม่ใช่แบบนี้ การถวายผ้าฉันเป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ถวายแก่พระภิกษุในวันที่พระราชพุทธครบ ๙ รูป ตลอดพระพุทธ ๓ เดือน และถวายได้ภายในเวลา ๑ เดือน นับตั้งแต่วันออกพรรษา คือ ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวันที่ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ คือวันลอยกระทงนั้นเอง หมายความว่า พระภิกษุสามารถรับผ้าฉันได้เฉพาะในเวลาหนึ่งเดือนนี้เท่านั้น ไม่สามารถรับทั้งปี การทอดผ้าฉันจึงถือว่าเป็นกาลทาน คือเป็นทานที่จำกัดด้วยเงื่อนไขของเวลา ไม่ได้ทำได้ตลอดเวลา แล้วจึงทำได้เฉพาะกับพระภิกษุในวันที่พระองค์ทรงอนุญาตให้รับผ้าฉันในช่วงนั้นเท่านั้น หากวัดไหนมีพระสัก ๓-๔ รูป ก็รับผ้าฉันได้ แต่ถ้าเป็นการทอดผ้าป่าสามารถทำได้ นอกจากวัดนี้ยังรับฉันได้แต่ละครั้งเดียวเท่านั้น แต่ผ้าป่าจะทอดกี่ครั้งก็ได้
กฐินและผ้าป่ามีพิธีกรรมและสิ่งของที่ถวายเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไรในแต่ละยุคสมัย?
ในแน่งหลักการสำคัญก็ต้องคงเดิมเอาไว้ แต่รูปแบบพิธีการหรือข้าวของที่ถวายอาจจะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นบ้าง แต่หลักการของผ้าป่าเป็นอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ส่วนรูปแบบของกฐินนั้นจะไม่ปรากฏแน่หรือประเด็นได้ แต่ต้องไปวัดไว้หน้าคณะสงฆ์ เสร็จแล้วคณะสงฆ์ต้องมีการอปโลกนกฐิน คือ ตั้งพัดแล้วตีแกงสงฆ์ ๑ รูป จะกล่าวว่า "ผ้ากฐินทานกับทั้งผ้าถุงสงฆ์รวมทั้งงวดนี้ เป็นของบริสุทธิ์ประดุจเสน่ห์ลอยมาจากท้องนภากาศ แล้วตกลงในท่ามกลางสงฆ์" มิได้เฉพาะเจาะจงแก่กิฐรูปหนึ่งรูปใด แต่พระสงฆ์ต้องมีการอปโลกนกฐิน คือ ตั้งพัดแล้วตีแกงสงฆ์ ๑ รูป จะกล่าวว่า "ผ้ากฐินทานกับทั้งผ้าถุงสงฆ์รวมทั้งงวดนี้ เป็นของบริสุทธิ์ประดุจเสน่ห์ลอยมาจากท้องนภากาศ แล้วตกลงในท่ามกลางสงฆ์" มิได้เฉพาะเจาะจงแก่กิฐรูปหนึ่งรูปใด แต่พระสงฆ์ต้องมีการอปโลกนกฐิน คือ ตั้งพัดแล้วตีแกงสงฆ์ ๑ รูป จะกล่าวว่า "ผ้ากฐินทานกับทั้งผ้าถุงสงฆ์รวมทั้งงวดนี้ เป็นของบริสุทธิ์ประดุจเสน่ห์ลอยมาจากท้องนภากาศ แล้วตกลงในท่ามกลางสงฆ์"