ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลวงพ่อเพียงต้องการชี้ให้เห็นว่าบรรพบุรุษของเรา รวมทั้งพวกเราในปัจจุบันด้วย มีความฉลาดเฉลียว
รู้จักจัดแง่มุมมองได้อย่างถูกต้องเพียงใด
ศาสดาแห่งพุทธศาสนา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระศาสดาแห่งพุทธศาสนานั้น หลักฐานในพระไตรปิฎก บันทึกไว้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ได้บังเกิดขึ้น ในกัป หลายพระองค์แล้ว แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงพระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีประจักษ์พยาน หลักฐานต่าง ๆ
ในการศึกษาประวัติของพระองค์ท่านได้ จนถึงทุกวันนี้
การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มิใช่ภาวะที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสเล่าไว้ชัดเจนว่า
พระองค์ท่านทรงบำเพ็ญเพียร สร้างบารมีมาแล้วถึงถึง 20 อสงไขย กับแสนกัป
การสร้างบารมีหรือการสะสมความดีนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม ก็อาจพากเพียรทำความดีได้ ทุกคนที่นั่งตามศาลา
ใต้โคนไม้ หรืออยู่ที่ใดก็ตาม ถ้าสะสมความดี ใจก็จะใสสว่างขึ้น ครั้งอาจสว่างเท่าหิ่งห้อย สะสมความดีมากขึ้น
ให้ทานรักษาศีล เจริญภาวนามากขึ้นใจก็จะใส และสว่างมากขึ้น เหมือนดวงดาว สะสมความดียิ่งขึ้น ใจก็จะสว่าง
เหมือนพระจันทร์สะสมความดีต่อไปอีก ความสว่างจะเหมือนดวงอาทิตย์ แต่ไม่ร้อน ยิ่งสว่าง ยิ่งเย็นตา เย็นใจ
แล้วปรากฏสว่างออกมาทั้งตัว หน้าตา ผิวพรรณ ผ่องใส เห็นได้ชัดเจน
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสะสมความดีด้วยการบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาครบถ้วน
ข้ามภพข้ามชาติตลอดมา ความดีที่สะสมไว้ จึงกลั่นเป็นบุญเป็นบารมี มากขึ้นตามลำดับเป็นพระบริสุทธิคุณอันยิ่งใหญ่
บุญบารมีเกิดขึ้นได้อย่างไร
การสะสมคุณความดีจนเกิดเป็นบุญบารมีนั้น หลวงพ่อขออธิบายสั้น ๆ ในเชิงปฏิบัติดังนี้
สมมติว่าเราให้ทานใด ๆ ก็ตาม พอให้ทานครั้งหนึ่ง ก็ฆ่าความตระหนี่ จากใจไปได้ส่วนหนึ่ง บุญก็เกิดขึ้นในใจ
สว่างวาบขึ้นมา ถ้าตัดใจให้ทานเล็กน้อย ฆ่าความตระหนี่ได้เล็กน้อย บุญก็เกิดขึ้นวูบน้อย ๆ ถ้าตัดใจให้ทานมาก
ฆ่าความ ตระหนี่ได้มาก บุญก็สว่างมากขึ้นตามลำดับเช่น ทำบุญด้วยข้าวหนึ่งทัพพี ก็เกิดความสว่างเหมือน
เปลวไฟจากไม้ขีดหรือเทียนไข ทำบุญสร้างกุฏิถวายพระ บุญก็สว่างเหมือนแสงไฟฉาย ทำบุญสร้างโบสถ์
บุญก็สว่างเจิดจ้าอย่างกับแสงจาก สปอตไลท์ สร้างวัด บุญก็สว่างเหมือนแสงจันทร์คืนวันเพ็ญ ซึ่งกำจัดความมืดได้
7