ข้อความต้นฉบับในหน้า
39
ทรงระลึกชาติย้อนหลังกลับไปเรื่อย ๆ ก็พบว่า ในกัปที่ 90,89,87,88,86 ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดเลย คนที่เกิดมา
ในยุคนั้น เกิดมาก็มาเปล่า คือไม่ค่อยรู้บุญบาป เพราะไม่มีใครมาเป็นกัลยาณมิตรชี้แนะให้ จึงรบราฆ่าฟันกัน
เบียดเบียนกัน ตกนรกนับไม่ถ้วน เรียกยุคนั้นว่า สุญญกัป
เมื่อนับถอยหลังจากที่พระองค์ตรัสรู้ไปอีก 31 กัป จึงพบว่า มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นคือ พระพุทธเจ้า
และพระพุทธเจาเวสสะภู
หลังจากกัปที่ 31 ก็เป็นสุญญกัปมาตลอดโลก เกิดมากี่กัป ๆ ไม่มี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นเลย
จนกระทั่งถึงกับของพวกเรานี้ นับว่าโชคดี มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น 4 พระองค์ เรียงตามลำดับคือ
พระกกุสันโธ พระโกนาคม พระกัสสปะ และพระพุทธเจ้าของเราคือ พระสมณโคดม
2. อสงไขย
3. ดุสิต
คือ
หนึ่งอสงไขยเท่ากับ 100 ปี (สิบยกกำลังหนึ่งร้อยสี่สิบ)
ผู้ประกอบความดีในระหว่างที่เป็นมนุษย์ เมื่อสิ้นอายุไขยแล้ว จะเกิดบนสวรรค์ชั้นสูง ที่เรียกว่า เทวภูมิ มีอยู่ 6 ชั้น
ชั้นที่หนึ่ง จาตุมหาราชิกา
ชั้นที่สอง ดาวดึงส์
ชั้นที่สาม ยามา
ชั้นที่สี่ ดุสิต
ชั้นที่หา นิมมานรดี
ชั้นที่หก ปรนิมมิตวสวัตติ
สำหรับเทวภูมิชั้นสี่ คือชั้นดุสิต เทวโลกชั้นนี้เป็นสถานที่ปราศจากความร้อนใจ มีแต่นำความยินดี และชื่นบาน
ให้แก่ผู้ที่อยู่ในภูมิทั้งหมด จัดเป็นภูมิประเสริฐ
พระโพธิสัตว์ทุก ๆ พระองค์ ก่อนที่จะสำเร็จอนุตตรสัมโพธิญานเป็นภพสุดท้าย ย่อมบังเกิดในชั้นดุสิตนี้ทั้งหมด
ในทางธรรมปฏิบัติ ถือว่าเป็นภพภูมิสำหรับผู้ปฏิบัติ เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานสถิตอยู่