ข้อคิดจากพระสิทธัตถะราชกุมารเกี่ยวกับชีวิตและความแก่ ความยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หน้า 16
หน้าที่ 16 / 44

สรุปเนื้อหา

พระสิทธัตถะราชกุมารได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากพระราชบิดา แต่แม้จะมีความสุขทางกามารมณ์ พระองค์ยังคงพิจารณาความจริงของชีวิต ความแก่ และการเกิดขึ้นที่ไม่หลีกเลี่ยงได้ โดยทรงเห็นว่าคนที่อยู่ในความสุขหลายคนมักละเลยความจริงของการสูงวัย จึงเตือนให้ไม่ควรรังเกียจผู้สูงอายุและพิจารณาโลกอย่างลึกซึ้ง การไม่มัวเมาในความสุขและการมีปัญญาในการมองชีวิตเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการใช้ชีวิต

หัวข้อประเด็น

-การพิจารณาความแก่
-การใช้ชีวิตอย่างมีปัญญา
-ความเข้าใจในสภาวะของชีวิต
-การไม่รังเกียจผู้ชรา
-การมองโลกอย่างลึกซึ้ง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระสิทธัตถะราชกุมารได้รับการทนุถนอมอย่างดีที่สุด ตัวเลือด ตัวเหลือบสิ้น ยังไม่มีทางได้แตะ ได้ตอมทีเดียว "ภิกษุทั้งหลาย มีประสาทสำหรับเรา 3 หลัง หลังหนึ่งสำหรับฤดูหนาว หลังหนึ่งสำหรับฤดูร้อน และหลังหนึ่ง สำหรับฤดูฝน เราอยู่บนประสาทสำหรับฤดูฝนตลอด 4 เดือน ให้เขาบำเรออยู่ด้วยดนตรีอันปราศจากบุรุษ ไม่ลงจากประสาทเลย ทั้งประสาทมีแต่สตรีสาวสวยที่เขาคัดแล้วทั้งนั้น" แสดงว่าพระราชบิดาต้องการจะมอบเมา ให้พระองค์ตกอยู่ในกามสุข "ภิกษุทั้งหลาย ในวังของบิดาเรา เขาให้ข้าวสุกแห่งข้าวสาลีเจือด้วยเนื้อแก่ทาสและคนงาน แต่ที่อื่นให้ข้าวปลาย เกวียนกับน้ำต้มกับพวกทาสและคนไข้" โดยทั่วไปชาวเมืองมีแต่ข้าวปลายเกวียน คือข้าวที่หัก ๆ คล้ายข้าวกล้อง ข้าวปลายข้าวนั้นแหละ แต่ที่วังของพระองค์ให้ข้าวอย่างดีแก่ทาสและคนงานซึ่งแสดงว่า แม้แต่ทาสและคนงาน ยังได้กินของดี ๆ อย่างนี้ ฉะนั้นสำหรับพระองค์เองอาหารที่เสวยแต่ละมื้อ ย่อมมีความวิเศษยอดเยี่ยม ถ้าเป็นพวกเรา คงสุขสำราญเพลิดเพลินไปเลย ทรงพิจารณาสภาวะโลก ถึงแม้ว่าพระสิทธัตถะราชกุมาร จะได้รับการปรนเปรอให้ได้รับความสุขทางโลกเพียบพร้อมด้วย รูป รส กลิ่น เสียง อันเลอเลิศ แต่ก็ไม่ได้ทรงมัวเมาด้วยพระปัญญาธิคุณอันยิ่งใหญ่ กลับทรงพิจารณาสภาวะที่แท้จริงของโลก ของชีวิต อย่างลึกซึ้ง "ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเราเพียบพร้อมด้วยการได้ตามใจตัวเช่นนี้ มีการได้รับการประคบประหงม ความคิดก็ยังเกิดแก่ เราว่า ปุถุชนที่มิได้ยินได้ฟัง ทั้งที่ตัวเองจะต้องแก่ ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ แต่ครั้นเห็นคนอื่นแก่ ก็นึกอิดหนาระอาใจ สะอิดสะเอียน ไม่นึกถึงตัวเองเสียเลย ถึงตัวเราเองก็เหมือนกัน จะต้องแก่ ไม่ข้ามพ้นความแก่ไปได้ แต่ว่าเมื่อจะต้อง แก่ ไม่พ้นความแก่ไปได้แล้ว จะมาลืมตัวอิดหนาระอาใจ สะอิดสะเอียน เมื่อเห็นคนอื่นแก่นั้นไม่เป็นการสมควรแก่เรา" "ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเราได้พิจารณาเช่นนี้แล้ว ความมัวเมาในความหนุ่มของเราก็หายไปสิ้น" ฟังให้ดีนะ คนหนุ่มสาวทั้งหลาย ทั้ง ๆ ที่ท่านได้รับการประคบประหงมอย่างดี ก็ยังเกิดความคิดพิจารณาได้ไม่มีความมัวเมาเลย คนที่มัวเมามิได้นึกถึงความแก่ชรา เมื่อผู้เฒ่าทำอะไรงกเงิน ก็รำคาญ ไม่อยากเข้าใกล้ เขาอยากรวมกลุ่มกับคนหนุ่ม คนสาวมากกว่า ไม่ได้นึกถึงว่า เขาเองก็จะต้องแก่อย่างนี้ จะต้องมีความงมงามอย่างนี้ ฉะนั้นไม่ควรรังเกียจผู้เฒ่า ผู้ชราเลย 16
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More