ข้อความต้นฉบับในหน้า
20
"ภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นสิ่งที่มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย โศกเศร้าเป็นธรรมดา ภิกษุทั้งหลาย บุตรภรรยา
สามีนั่นแหละ มีสภาพของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เคราหมองเป็นธรรมดา" เขาใจไหม ชัดเจนไหม
คราวนี้ ไม่ต้องสงสัยนะว่า ทำไมหลวงพ่อจึงต้องมาบวชนะ ไม่รู้เอามาทำไม ทีแรกก็สวยหรอก ต่อไปก็เป็นยาย
พะโล้ หนักเข้าก็เป็นยายแรงทิ้ง หนักเข้าก็แก่เป็นยายแรงไม่ยอมทิ้ง หนักเข้าก็ไม่รู้ละ ข้างหนึ่งข้างใด ก็ตายไปข้างหนึ่ง
แล้วก็ตายไปหมดทั้งสองข้างนี่แหละ เป็นอย่างนั้น
แม้แต่ทาสหญิง ทาสชาย ช้าง ม้า วัว ควายทั้งหลายก็เหมือนกัน มีแต่ความเกิดแก่เจ็บตาย แหลกทำลายไป
ตามกาลเวลา แต่มนุษย์ก็ยังแสวงหากัน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เศร้าหมองเป็นธรรมดา ก็ยังแสวงหา
สิ่งที่มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เศร้าหมองเป็นธรรมดามาเพิ่มเติมอีก
บางคนมาถึงวัด นั่งได้ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นแหละ ใจจะสงบดีแล้ว ก็อยู่ไม่ได้ "หลวงพ่อ ต้องกลับแล้ว" ทำไมละ
"เดี๋ยวต้องไปรับลูก" นั่นแหละ สิ่งที่ถ่วงเราให้มาวัดไม่ได้ ไปหามาเอง ไปหามาทำไมละ?
พระองค์สรุปจากการที่ได้พิจารณาไตร่ตรองแล้วว่า
"ภิกษุทั้งหลาย ความคิดอันนี้ได้เกิดแก่เราว่า ทำไมหนอ เราซึ่งมีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เศร้าโศกเป็นธรรมดา
อยู่รอบด้านนี้ จะต้องไปแสวงหา สิ่งที่เป็นอย่างนี้อีก ครั้นได้รู้สึกถึงโทษอันต่ำทรามของสิ่งเหล่านี้แล้ว เราจึงแสวงหา
นิพพาน อันไม่มีความเกิด อันเป็นธรรมที่เกษมจากเครื่องร้อยรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า"
"ภิกษุทั้งหลาย ความคิดได้เกิดขึ้นกับเราว่า ชีวิตฆราวาสนี้คับแคบเสียเหลือเกิน เป็นทางมาแห่งธุลี
คือกิเลสทั้งหลาย ส่วนการบรรพชาเป็นโอกาสว่าง ผู้อยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ได้ส่วนเดียว
โดยง่ายไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจึงปลงผมและหนวด พร้อมผ้าย้อมฝาด ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีประโยชน์
เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด"
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตัดสินพระทัยออกบวชด้วยเหตุและผล ที่ทรงพิจารณาดีแล้วว่า ฆราวาสคับแคบ
เป็นทางมาแห่งธุลี
เราอาจไม่เข้าใจนัก ธุลีแปลว่าอะไร แปลว่า ฝุ่นผง
เมื่อพิจารณาความหมายจากสำนวนดังกล่าว ก็จะเห็นว่า สำหรับผู้ครองเรือน มีแต่เรื่องปวดหัว วุ่นวาย
ยุ่งไปหมด น้ำมันจะขึ้นราคา ไฟฟ้าจะแพง มีแต่เรื่องกวนใจ กวนกิเลส
ส่วนบรรพชาเป็นโอกาสว่าง ที่จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์โดยส่วนเดียว จึงตัดสินพระทัยออกบวช