ข้อความต้นฉบับในหน้า
๙. ตรัสแง่ต่อไปว่า เคยตรัสสั่งให้ลงโทษโจรที่โจรได้ ให้ชิงนำหาหดูเมื่อเป็น แล้วให้เราเชื่อรัดคอให้ตายแล้วชั่งดูอีกในขณะที่เป็นมือน้ำหนักเบากว่า อ่อนกว่า ใช้การงานได้ดีกว่าเมื่อตายแล้วเหตุนี้จึงไม่ทรงเชื่อเรื่องโลกอื่น พระเถระทูลถามว่า พึงชั่งก่อนเหล็กที่เผาไฟตลอดวัน ร้อนลูกโพลง กับก้อนเหล็กที่เย็นเทียบกันดูอย่างไหนจะเบากว่ากว่าใช้การงานได้ดีกว่า ตรัสตอบว่า ก่อนเหล็กที่ประกอบกับธูปไฟ ธาตุลมร้อนลูกโพลง เบากว่า อ่อนกว่า ใช้การงานได้ดีว่า พระเถระทูลต่อไปว่า ร่างกายก็เหมือนกันประกอบ ด้วยอายุ (เครื่องสืบต่อหล่อเลี้ยง ) ประกอบด้วย ไออุ่น ประกอบด้วย วิญญาณ ก็เบากว่า อ่อนกว่าใช้การงานได้ดีกว่า
๙. ตรัสแง่ต่อไปว่า เคยตรัสสั่งให้ลงโทษโจรที่โจรได้ ให้มาโดยไม่กระทบกระทั่งผิวหนัง หงึง, เนื้อ , เอ็น, กระดูก, เยื่อในกระดูกเพื่อจะดูชีวะออกไป (จากร่าง) เมื่อเขาทำอย่างนั้นและเมื่อโจรรันจะตายแน่ก็สั่งให้ขบนอนหายเพื่อจะดูชีวะออกไปก็ไม่เห็นชิ้วออกไป สั่งให้นอนตะแงงที่ข้าง ให้ยกขึ้นให้ศีรษะลง ให้ใช้มือ, ก่อนดิน, ท่อนไม้, ศัตราะคาอู, ให้ดึงเข้าให้ผลักออก ให้พลิกไปมาเพื่อจะดูชีวะออกไป ก็ไม่เห็นชิ้วออกไป โจรนั้นมีตา ฯ จูบก ลิ่น มีรูปล เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แต่ก็ไม่รู้สึกคายตนเองๆ ( คือไม่รู้สึกเห็นรูปฟังเสียง คมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ) พระเถระทูลเปรียบเทียบว่าว่าเปรียบเหมือนคนเป่าสังข์เดินทางไปชนบทชายแดนแห่งหนึ่งเป่าสังข์เป็น ๓ ครั้ง แล้ววางสังข์ไว้