ข้อความต้นฉบับในหน้า
อย่างเป็นคนป่วยที่ไม่มาทางเลือก
ขณะที่คุณกำลังอ่านประโยคนี้ มีคนป่วยบนโลกนี้จำนวนมากกำลังได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสกับโรคร้ายที่เกิดขึ้น และที่น่าสังวรรค์ไปกว่านั้น หลายคนเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่ได้ตั้งแต่ยังน้อย ด้วยเหตุนี้จึงมีคำพูดตั้งแต่พอให้เราได้ยินบ่อยครั้งว่า.. "ไม่อยากเป็นคนป่วยที่จะอะไรไม่ได้ นอกจากออคอยความตายอย่างเดียว"
เน่นอน ไม่มีใครอยากเป็นแบบนี้ แต่ทุกชีวิตไม่อยากรู้เลยว่า ในอนาคตตัวเองจะต้องป่วยเป็นอะไร จะทรมานมากแค่ไหน หมอจะหาสาเหตุของโรคเจอไหม และก็แย่ที่สุด จะมีเงินเพียงพอเพื่อเป็นค่ารักษาหรือไม่???
ความทุกข์ของการป่วยไข้จงทำให้มนุษย์ทรมานทั้งกายและใจ หน้าช้ยังสร้างความกังวลเสียเหลือเกิน อีกทั้งการป่วยยังเป็นภาระต่อครอบครัวอย่างไม่จบไม่สิ้น ซึ่งถ้ามีคนตั้งใจและเต็มใจดูแลก็ได้ไป แต่จะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีบุญมากพอที่จะมีคนคอยดูแลเราจนจบภาระสุดท้ายหรือไม่ ในเมื่อบั้นปลายยังมีลูกหลายคนทอดทั้งพ่อแม่ยามป่วยไข้ได้ลงคอเลย!!!
ในเมื่อความจริงของชีวิตเป็นอย่างนี้ เรามาคิดกันดีกว่ารับมือกับสถานการณ์การเจ็บไข้ได้ป่วยของตัวเองกันอย่างไร?
จากพุทธพจน์ว่า
"ยาทิศ อปต พิธี ตาถิ สลด ผล" หว่านพิธเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น
(ส.ส. บาลี ๑๕/๐๔๐/๓๐๕)
ดังนั้น หากเราไม่อยากป่วย ไม่อยากทรมาน ไม่อยากเป็นผู้ป่วยที่ทุกข์ทอดัง เราก็ต้องสร้างเหตุโดยการขวนขวายบำบัดกันนี้ให้เกิดต่อไปมาก ๆ เพราะการดูแลพระภูมิผู้ป่วยใช้เป็นบุญที่สำคัญมาก ถึงนาถพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงยกย่องพระองค์เอง ดั่งในพระบิณฑบาตนึ่ง