ข้อความต้นฉบับในหน้า
จุดแตกต่างระหว่างครั้งพระพุทธกาลกับปัจจุบันที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ในครั้งพุทธกาลเสียงโจษจันเกิดขึ้นในสังคมรอบ ๆ พระภิษุชนั่น เพราะยังไม่มีวิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่ปัจจุบันการสื่อสารเป็นไปอย่างกว้างขวาง เรื่องราวสามารถยายออกไปอย่างรวดเร็ว พอเป็นอย่างนี้ก็ปรากฏว่าถ้าพูดอยู่ ๑๐๐ แล้วพระที่สร้างสิ่ง ๙ แต่ไม่เป็นข่าวมี ๙๙ เปอร์เซ็นต์ แค่ ๑ เปอร์เซ็นต์ ทำเรื่องไม่ดี ถ้าสนับสนุนพระพุทธศาสนาที่พิมพ์เผยแผนับสิบ เรื่องนั้นก็ถูกทำให้แรงขึ้นแสนเท่าแล้ว ถ้าสนับสนุนก็จะขึ้นล้านเท่า ถ้าออกทีวีอีก ลงโพเซเชียนเน็ตเวิร์กอีก ช่วยกันรบกวนหมุนเข้าไป ผลก็คือ เรื่องของพระที่ไม่เหมาะสมเพียง ๑ เปอร์เซ็นต์ ถูกขยายด้วยแนวขยายที่มีอายุภาพมาก คือ สื่อสารมวลชนยุคใหม่ จากมดกิลายเป็นข้าว กลายเป็นว่ามีพลังมากกว่าพระที่ทำความดีอีก ๑๙๙ เปอร์เซ็นต์ ทำให้สังคมมองภาพของสงฆ์ผิดไป เหมือนกับว่าเดี๋ยวนี้แต่พระไม่ทั้นนั้น พระพุทธศาสนาแทบแล้ว ความเข้าใจเลยบิดเบี้ยวไปอาตมามีไม่ได้กว่ากำ ถ้าพูดเรื่องไม่จะต้องไม่เสนาะว่า นำเสนอข่าวเลย ที่จริงน่าจะนำเสนอทั้ง ๒ ด้าน สื่อมวลชนเองจะต้องตระหนักในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ว่าเรายูในสถานะสื่อมวลชน ซึ่งมักอย่างมากต่อความเป็นไปของสังคม หากจะนำเสนอเรื่องพระที่ไม่ดีไม่ว่า แต่ความเป็นธรรมให้พระพุทธศาสนาสักนิดหนึ่งได้ไหม ขอให้นำเสนอเรื่องดีด้วย ให้ได้ส่วนกัน ไม่ใช่ว่าเรื่องดี ๆ ไม่เป็นว่า แต่พอมีเรื่องไม่ดีบูลมก็กันใหญ่ และถ้าจะนำเสนอเรื่องไม่ดีออกไป ขอให้นำเสนอเนื้อหา รอบด้าน อย่าใส่ความนิยมเข้าไปนิ่งสร้างสังคมในทางที่ไม่ดี แล้วนะแต่ก็ต้องลอดสายตามุฏด ว่า มพระที่ท่านประพฤติปฏิบ้อตอ มีดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับคณะสงค์ กับพระพุทธศาสนาอย่างไรบ้าง แล้วช่วยนำเสนอให้ได้ส่วนกัน สงครามจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่เข้าใจผิดไม่เกิดความรู้สึกว้าวุ่นจากสงฆ์แต่เรื่องนี้ก็ไม่ทั้งหมด
ในฐานะผู้บริโภคที่เสพสื่อ เราจะใช่วิจารณญาณเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร? เราต้องเข้าใจว่าแนวโน้มของสื่อทั่วไปของเสนอเรื่องทางลบมากกว่าเรื่องทางบวก เพราะฉะนั้นเมื่อเราจะเสพสื่อ ก็ต้องตระหนักตรงนี้ จะได้ไม่ถูกกระแสสื่อดึงไปในทางที่ดี แล้วช่วยส่งต่อ ๆ ที่ทำให้เกิดสมดุลในข้อมูลข่าวสารของเรา เมื่อบอกไปแล้วว่า สื่อจะให้ความยุติธรรมกับคณะสงฆ์ กับพระพุทธศาสนาด้วย นั่นคือหลักการ แต่ไม่ทราบว่าเขาจะทำแค่ไหน เราจะไม่สามารถเปลี่ยนสื่อให้นำเสนออย่างสมดุลทั้งด้านบวกด้านลบในทีเดียวได้แต่หวังว่าจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ในบ่งบอกผู้เสพสื่อ เราต้องลากในการเสพ เพื่อไม่ให้บิดเบือนข้อมูล เราต้องเลือกสื่อที่ดี ๆ เพื่อเพิ่มข้อมูลทางบวกให้เกิดความสมดุล ถ้าไม่ค่อยเจอ ดู DMC ก็ได้ จะได้สร้างสมดุลในใจเราได้ดี เราจะได้ยินว่า พระที่นั่งใจประพฤติดีปฏิบัติดีของมีมาก จะเข้าเว็บไซต์ dmc.tv ก็ได้ หรือ facebook ของหลวงพี่ก็พอได้ ถือว่าเป็นข่าวทางบวกที่มากให้เกิดสมดุล ถ้าเราเสพข่าวทางบวก ใจเราสบาย มีความสุข และได้ข้อคิดดี ๆ มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตด้วย
มกราคม ๒๕๕๘ อยู่ในบุญ ๙๙