ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 199
bo
อนุโมทนาคาถา
(ความเคารพ)
๘ มกราคม ๒๔๙๘
นโม...
ยถา วาริวหา ปูรา...
พระภิกษุท่านทำภัตตานุโมทนา ให้พรเป็นภาษามคธ แปลว่า
ยถา วาริวหาฯ ทานที่ท่านให้แล้ว ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ท่านผู้ละโลกนี้ไปแล้ว เหมือนห้วงน้ำที่
เต็ม ย่อมไหลไปรวมกันในที่ลุ่ม คลองใหญ่ แม่น้ำ มหาสมุทร แม้ไปในอากาศ ก็
ไปเป็นเมฆจับอยู่ใน พื้นท้องฟ้า ตกลงมาสู่มหาสมุทรอีก ผลที่ท่านปรารถนา จง
สำเร็จแก่ท่านโดยพลัน จงเต็มเปี่ยมเหมือนพระจันทร์ หรือแก้วมณีโชติรส
สพพีติโย ฯ ขอจัญไรทั้งปวงจงระเหิดหายไป ขอโรคทั้งปวงจงหาย ขออันตรายอย่าเกิดมีแก่ท่านเลย
อภิวาทนสีลิสฺสฯ ธรรม ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้กราบไหว้
เป็นนิจ หรือย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปกติอ่อนน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่เป็นนิจ
ธรรม ๔ ประการ สำคัญนัก ได้แก่
อายุ
คือ อายุยืน ไม่ตายในปฐมวัย มัชฌิมวัย
วรรณะ คือ ไม่ต้องตกแต่งก็งดงามเป็นนิจ ผิวพรรณงามสมวัย
คือ สบายกาย ใจ ทั้ง ๔ อิริยาบถ หลับตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย
มีกำลังกายทำงาน จะไปทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ
สุขะ
พละ
คือ
กำลังวาจาประกอบงานได้หรือโต้ปัญหาได้
กำลังใจดี ไม่ท้อถอย ไม่ใช่กะลาโขกคิดว่าเป็นงูเห่ากัดสลบคาที่ หรือไฟ
ไหม้ กลัวเสียขวัญจนทำอะไรไม่ได้
เหตุในพร ๔ ประการที่จะเจริญแก่ผู้ใดได้ ต้องอาศัยความเคารพ
เป็นผู้เคารพกราบไหว้อย่างไร ?
-
- เราจะต้องเคารพพระพุทธศาสนาจริงๆ ทั้งภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ปฏิบัติศีล
สมาธิ ปัญญาให้กลั่นกล้า ไม่ขาดตกบกพร่อง
-
เป็นภิกษุก็เป็นภิกษุจริง ไม่ทำพิรุธเสียหาย เรื่องสมาธิ ปัญญา ต้องกลั่นกล้า
สามเณรมีศีล ๑๐ เคารพหน้าที่สามเณรจริง
อุบาสก อุบาสิกา ตั้งมั่นในไตรสรณคมน์ มีศีล ๕ ศีล ๘ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
ไม่ขาด