การเข้าถึงธรรมกายและความรู้ยิ่งในพระพุทธศาสนา ๖๙ กัณฑ์หลวงปู่วัดปากน้ำ กัณฑ์ที่ ๕๙-๖๙ หน้า 16
หน้าที่ 16 / 43

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงความสำคัญของการเข้าถึงธรรมกายซึ่งเป็นแนวทางของพระพุทธเจ้าในการเข้าใจธรรมชาติของจิตและความเป็นจริง โดยผ่านการฝึกสมาธิและการรักษาศีล รวมถึงการมีญาณซึ่งนำมาซึ่งการรู้ยิ่งและการเห็นตามถูกต้อง การอธิบายกายต่างๆ ที่มีและความแตกต่างระหว่างกายมนุษย์กับกายธรรม โดยมีการเตือนเกี่ยวกับการพัวพันในกามและการทรมานตัวเองที่อาจหลงผิดได้ นอกจากนี้ยังเน้นว่าเพื่อจะเข้าใจรสศาสนาได้จริง จำเป็นต้องมีการเข้าถึงธรรมกาย ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถรู้สึกถึงความสุขหรือความหมายของการปฏิบัติศาสนาได้

หัวข้อประเด็น

- การเข้าถึงธรรมกาย
- ความรู้ยิ่งในพระพุทธศาสนา
- อริยมรรค
- ธรรมรัตนะ
- การปฏิบัติศาสนาอย่างถูกต้อง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 211 เรายังไม่เห็นธรรมกาย เราก็เริ่มจากวางใจไว้ที่กลางกายมนุษย์ ณ ตำแหน่งศูนย์กลาง กาย ฐานที่ ๗ หยุดถูกส่วนก็จะเห็นดวงใสไปเป็นลำดับ ดวงเหล่านี้ถ้าแยกคร่าวๆ ออกไปก็เป็น ดวงศีล เป็น สมมาวาจา สมมากมฺมนฺโต สมมาอาชีโว ดวงสมาธิ เป็นเนื้อหนังของสมาธิ อยู่ใน สมมาวายาโม สมมาสติ สมมาสมาธิ ดวงปัญญา แยกเป็น สมมาทิฏฐิ สมมาสงฺกปฺโป รวมเป็นอริยมรรค ๘ ต้องเข้ากลางมาทางนี้ให้ถูกส่วน จนเห็นกายต่างๆ ตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กาย พรหม กายอรูปพรหม (ทั้งหยาบและละเอียด) จนถึงกายธรรม กายที่ ๙ ซึ่งเป็นตัวพระตถาคต เป็น พุทธรัตนะ ที่ยังเป็นโคตรภู ไม่ใช่ชั้นพระอริยบุคคล ธรรมดวงที่รักษากายต่างๆ ไว้ตั้งแต่กายมนุษย์ถึงกายธรรมอรหัต คือธรรมรัตนะ เมื่อเรา เข้าไม่ถึงธรรมดวงนี้ ก็เข้าถึงกายต่างๆ ไม่ได้ สังฆรัตนะ ก็คือ ธรรมกายละเอียด ที่อยู่ในดวงธรรมของธรรมกาย พระอรหันต์ท่านพบ ธรรม กายเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า ธรรมกายนั้นก็ถือเป็นสังฆรัตนะเช่นกัน เมื่อเข้าถึงธรรมกาย เราจึงทราบว่า :- กายธรรม มีญาณเป็นจกฺขุกรณี กระทำให้เห็นเป็นปกติ คือ เห็นตามถูก รู้ตามถูก สิ่งใดสุข ก็ว่าเป็นสุข ไม่ใช่กายมนุษย์ กายทิพย์ กายพรหม กายอรูปพรหม ที่ไม่สงบจึงเห็นไม่ปกติ เพราะยัง ไม่มีญาณ ยังเห็นของไม่จริงเป็นจริง ที่ไม่สวยงามก็ว่าสวยงาม เป็นต้น เมื่อมีญาณ ย่อมรู้ชัดเหมือนเวลากลางวัน เรียกว่า “อภิญญาย” แปลว่า “รู้ยิ่ง” คือ รู้ยิ่ง กว่ากายมนุษย์ถึงกายอรูปพรหม ( ๘ กายในกามภพ ) มีญาณ เรียกว่าเป็น “สมโพธาย” แปลว่า “รู้พร้อม” ไม่มีสิ่งใดที่ไม่รู้ กายธรรมเมื่อเข้าถึงแล้วสงบ เรียกว่า “อุปสมาย” “นิพพานาย” เพื่อที่จะไปนิพพานอย่างเดียว ทาง ๒ ทางที่พระพุทธเจ้าทรงเตือนไม่ให้ไป คือ ๑. - กามสุขัลลิกานุโยค คือ การประกอบตนให้พัวพันด้วยกาม ๒. อัตตกิลมถานุโยค คือ การประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตนเปล่า ได้แก่การทรมานต่างๆ “เราจะต้องทำใจของตนให้หยุดเสมอ ให้ถูกส่วนเข้า พอหยุดถูกส่วนเข้า ก็เห็นดวงใส เราจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์ คือ ยึดพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ เป็นที่พึ่ง” “ถ้าไม่เข้าถึง จะปฏิบัติศาสนาสักโกฏิชาติก็ไม่อาจสามารถรู้รสศาสนาได้ จะ ปฏิบัติไปสักเท่าใดก็ตาม ก็เหมือนกับคนไม่รู้จักเบญจโครสในน้ำนมสด คือไม่รู้ ว่ารสเป็นอย่างไร ? เป็นแต่คล้ายๆ กับคนรับจ้างเขาเลี้ยงโค พอเลี้ยงเสร็จแล้ว เวลาเย็นก็ไล่โคกลับ รับเอาค่าจ้างที่เลี้ยงไปเท่านั้นเท่านี้ ส่วนน้ำนมโคไม่ได้ รับประทาน เจ้าของเขาเอาไป
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More