ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 221
ดังนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงยก “สัจธรรม ๔ ประการ ประสงค์สัมมาทิฏฐิ ให้เห็น
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ทุกข์ในกายต่างๆ มีเกิด แก่ แปรไป
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นเหตุให้เกิด
ศีล สมาธิ ปัญญา คือ เหตุให้ดับความอยากในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
เข้าถึงเหตุให้ดับได้ ต้องอาศัยการทำศีล สมาธิ ปัญญา ให้เจริญขึ้น
พระอัญญาโกณฑัญญะก็เข้าใจ เกิด “ธรรมจักขุ” อันสะอาดผ่องใส คือ ความเห็นธรรม
ปราศจากธุลีเกิดขึ้นแก่ท่านว่า
“สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งปวงนั้นดับไปเป็นธรรมดา”
แล้วพระองค์เสด็จโปรดพระยส แสดง “อนัตตลักขณสูตร” ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ ไม่ใช่ตัว เพราะเป็นไปเพื่อความอาพาธ ป่วยไข้ ไม่ได้เป็นไปตามใจหวัง ทรงถามพระยส
พระปัญจวัคคีย์ ในปัญจขันธ์ทีละข้อ จนเห็นจริงตามนี้ว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูปอันใดอันหนึ่งในอดีต ปัจจุบัน อนาคต รูปภาย
ในหรือรูปภายนอก หยาบหรือประณีต ไกลหรือใกล้ รูปก็สักแต่ว่ารูป นั่นไม่ใช่
ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวของเรา”
แล้วพุทธองค์ตรัสว่า
อริยสาวกเมื่อได้เห็นดังนี้ ย่อมเบื่อหน่ายในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อเบื่อ
หน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็หลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้น ก็เกิดญาณรู้ว่า ชาติของ
เราสิ้นแล้ว พรหมจรรย์เราได้อยู่จบแล้ว กิจที่จะต้องทำ เราได้ทำเสร็จแล้ว
จิตของพระภิกษุปัญจวัคคีย์ ก็หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย ด้วยไม่ถือมั่นอะไรในโลก