ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 209
กายรูปพรหม ภวตัณหาเกาะได้
อรูปพรหม
กายธรรม
วิภวตัณหาเกาะอาศัยได้
ตัณหาซึมซาบเอิบอาบไม่ได้ เหมือนแก้วเนื้อละเอียด
เมื่อเข้าถึงธรรมกายจึงหลุดได้ หลุดไม่มีระแคะระคาย เป็นโสดา สกทาคา อนาคา อรหัต
แตกกายทำลายขันธ์ก็ไปนิพพาน ทิ้งขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ของมนุษย์
ทิพย์ รูปพรหม อรูปพรหม เพราะตัณหาหมด ก็ไม่ปรารถนาอาลัยในกายทิพย์ รูปพรหม อรูปพรหม
อีกต่อไป จึงได้ชื่อว่า เป็นผู้ถอนตัณหาทั้งรากเสียได้ ความปรารถนาดับสิ้นชื่อว่า “นิพพาน”
ขันธ์ของภพไหนต้องอยู่ประจำภพนั้น ข้ามภพไม่ได้ เช่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ของมนุษย์จะเอาไปใช้ในภพทิพย์ไม่ได้ ขันธ์ ๕ รูปพรหม อรูปพรหม ก็เช่นกัน ใช้ในนิพพาน ไม่ได้
นิพพานมีธรรมขันธ์ ที่เรียกว่าธรรมธาตุที่ละเอียดกว่า ไม่เรียกรูปกายเหมือนกายมนุษย์ เรียก
“ธรรมกาย” แต่มีรูปธรรม นามธรรม ขันธ์ ๕ จึงเป็นภาระหนัก ให้หมั่นฝึกถอดขันธ์ ๕ ด้วยวิธี ถอด
กายเช่นนี้ เพราะถึงวันหนึ่งเราก็ต้องถอดขันธ์ ๕ อยู่ดี
“เหมือนอย่างจำศีลภาวนา ปล่อยลูกไว้ทางบ้าน แต่ลูกก็มีขันธ์ ๕ ปล่อย
ได้ชั่วขณะชั่วคราว ถึงแม้ปล่อยใจก็คิดตะหงิดๆ อยู่เหมือนกัน มันยึดถืออยู่
ไม่ปล่อยจริงๆ ต้องถอดเป็นชั้นๆ แต่ถอดเช่นนั้นยังเสียดายน้ำตาตก โศกเศร้า
หาน้อยไม่ ไม่ต้องของตัวถอดดอก เพียงแต่ของคนอื่น ก็ร้องทุกข์กันออกลั่นไป
ถ้าของตัวถอดจะเป็นอย่างไร น้ำตาตกข้างในเรียกว่าร้องไห้ช้าง คือร้องดื่มๆ
ถึงแก่เฒ่าชราก็ไม่อยาก ถึงเป็นโรคเรื้อรังก็ไม่อยากถอด อยากให้อยู่อย่างนั้น
เพราะเหตุฉะนั้นการถอดขันธ์ ๕ มันต้องถอดแน่ เราต้องหัดถอด เขามีวิธีให้
ถอด ถอดเป็นชั้น... ถอดให้คล่อง”
“เพราะฉะนั้น เมื่อรู้จักขันธ์ ๕ เป็นภาระหนักให้อุตส่าห์วางเสีย แม้ถึงจะ
ยึดก็แต่ทำเนา เป็นของอาศัยชั่วคราว เป็นของมีโทษ ดังภาชนะขอยืมกันใช้ชั่วคราว
ของสำหรับอยู่อาศัยชั่วครั้งชั่วคราว ร่างกายก็อาศัยชั่วคราวหนึ่ง อย่าถือเป็นจริงๆ...
ถึงมีทุกข์บ้างก็หน่อยหนึ่ง ขันธ์ ๕ นี้เป็นภาระจะต้องดูแลเอาใจใส่...ถ้าปล่อยวาง
ได้เป็นสุข...ถ้าเอามาเป็นภาระก็เป็นเชื้อเป็นที่ตั้งของตัณหา จะถอนไม่ออก...จะถอน
ตัณหาทั้งราก ต้องปล่อยให้ถึงที่สุด ปล่อยได้ ไปอยู่กับอะไร ต้องไปอยู่กับกาย
ธรรม เมื่ออยู่กับกายธรรม ใจเหมือนอยู่ในนิพพาน สบาย แสนสบาย
สำราญ”
แสน