ข้อความต้นฉบับในหน้า
รวมพระธรรมเทศนา : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธรรมโชติ)
14
ท่านได้กล่าวว่าไว้ว่า “แสงสว่างควรสมอด้วยแสงสว่างแห่งปัญญา นั่นไม่มี” จะเข้าสึงความสว่างได้นั้น ใจต้องหยุด ถ้าใจหยุดเดี๋ยวสว่างเอง เราจะเข้าสึงแสงสว่างภายใน เข้าถึงกายภายใน และเข้าสึงพระธรรมภายเป็นลำดับ
ในอดีตท่านปฏิบัติดำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันอย่างนี้ จึงได้เรียวว่าบันฑิต เพราะได้ทำประโยชน์ทั้งในภพนี้และภพหน้า ส่วนประโยชน์ที่สูงยิ่งไปกว่านั้น เรียกว่า ปรมัุตประโยชน์ คือประโยชน์อันสูงสุด นั่นคือ การทำพระนิพพานให้แจ้ง ในโลกมีวิธีการเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้เราเข้าใจสัจธรรม คือ ต้องทำใจหยุดอย่างเดียว หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านถึงย้ำว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ ถ้าหยุดนิ่งได้สนิท เราก็จะไปถึงเป้าหมายอันสูงสุด คือได้บรรลุ มรรคผลนิพพาน การฝึกใจหยุดนิ่งจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ก่อนให้เกิดประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่วัสดตัวเอง และมนุษยชาติ เพราะฉะนั้น เราต้องทำทั้งประโยชน์ในปัจจุบัน ประโยชน์ในอนาคต และประโยชน์สูงสุดให้ได้ ต้องมีพระนิพพานเป็นเป้าสำ อมีสุดแห่งธรรมเป็นเป้าหมาย ถึงจะได้ข่าวอันดึกดำบรรญ
ในสมัยพุทธกาล มีอุบาลีท่านหนึ่ง เกิดมาพร้อมกับสมบัติมามาย เป็นคนมีจิตปัญญาเฉียบแหลม เรียนจนไตรภาค เมื่อได้โอกาสเข้ามาศึกษาความรู้ทางพระพุทธศาสนา ได้ถามพระภิษฐูปหน่งว่า
“ทำอย่างไรจึงจะใช้ชีวิต อย่างมีคุณค่า และทำอย่างไรจึงจะได้บุญมาก?”
พระท่านตอบว่า “ให้มันทำทานอย่างสม่ำเสมอ” อุบาลลัยกลับไปบ้าน ก็ยังใจทำบุญต้านตลอดวัน ช่วยเหลือ เจือจุน คนยากคนจนมีได้ขาด แต่ก็ยังไม่อิ่มใจ จึงได้ย้อนกลับไปถามพระอีกว่า “ทำ