ข้อความต้นฉบับในหน้า
รวมพระธรรมเทศนา : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธรรมโชโต)
28
พอเข้าถึงกายธรรม เราจะรู้ถึงในพังกสาม โคนันต์ นิพพาน รู้ทั่วหมด ทั้งรู้ทั้งเห็น อติ" ปัจจุบัน อนาคต ทะลุรูปธัมไปร่มหมด รู้เห็นทุกสิ่งไปตามความเป็นจริง
กายธรรมเป็นายเป็นสมบูรณ์ด้วยลักษณะมหาบุรุษทุกประการ งามไม่ดี เป็นพุทธตะนะ เป็นผูรู้ ผีบาน แล้ว เป็นผูแจ้งเห็นแจ้งแทงตลอด เพราะรู้ได้รอบตัว เห็นได้รอบตัว ไม่มีอะไรน่าบังขอบข่ายของธรรมลักษณะและคุณธรรสะแนะ เป็นผู้ตื่นจากโลกลทั้งหลาย จิตใจเบิกบาน สว่างไสว มีความบริสุทธิ์ มีดวงปัญญาอันเลิศ และมีมาราภาวะริต คุณงามงามร่วมกันอยู่ในกายธรรม ดังนั้นกายธรรม จึงเป็นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนา
กายธรรมเบื้องต้น เรียกว่ากายธรรมโคตรา คือลักษณะของปฐพี แต่ยังไม่เป็นพระอริเจ้า พอเข้าถึงกายธรรมพระโลดาน ละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ ๓ อย่าง กิเลสเบาบางลงไป พอเข้าถึงกายธรรมพระสกทาคามิ กิเลสก็บาบางลงเบิก เข้าถึงกายธรรมพระอนาคามี ละสังโยชน์เบื้องต่ำได้หมด เข้าถึงกายธรรมพระอรหันต์ ละสังโยชน์เบื้องต่ำเบื้องสูงหมด สิ้นชื่อไม่เหลือ เฉย ไม่มีไรามีปิดบังธรรมลักษณะและคุณธรรสะแนะของกายธรรมพระอรหันต์ได้ กายธรรมอรหันต์นี้แล้วล้อว่า เป็นบันฑิตที่แท้จริง
ในสมัยพุทธกาล มีเด็กน้อยคนหนึ่งชื่อว่า "บัณฑิต" เมื่ออายุ ๗ ขวบได้ขออนุญาตบิดามารดาออกบวช เป็น สามเณรอยู่ในสำนักของพระสารีบุตร
ในวันที่ ๘ ของการบวช ขณะทีสามเณรบุตรออกกำลังกายเดินนบบาทตามหลังพระเณรอยู่บั้น ได้เห็นหิ้งน่าแห่งหนึ่ง สามเณรจึงได้เรียนถามพระสารีบุตรว่า "สิ่งนี้เขาเรียกว่าอะไร มีอะไรทำอะไร ขอรับ?"
พระสารีบุตรตอบ "เขาเรียกว่าเหงื่อ มีไว้สำหรับไขมันเข้าไปในนาข้าว" สามเณรถามต่อ "น้ำมีจิตไหม ขอรับ?" พระเณรตอบว่า "ไม่มีจิต"
สามเณรเกิดความคิดว่า "ถาคนทั้งหลายไข้ซึ่งไม่มีจิต เข้าไปสู่ที่ที่ปรารถนา แล้วทำงานได้ดีๆ จะไม่อาจทำ