ข้อความต้นฉบับในหน้า
รวมพระธรรมเทนตา : พระราชวรมิศวสุทธิ (ไชยยศ ธรรมะไชโย)
13
ถ้าปฏิบัติให้ถึงพร้อมอย่างนี้ได้ จะเกิดความเมตตา รังเกียจ รักใคร่ปฏิบัติตามแล้ว จะได้เป็นเศรษฐีในปัจจุบันนี้เอง
เมื่อทำประโยชน์ในปัจจุบันให้เกิดขึ้นแล้ว ต้องมองไกลสู่ประโยชน์ในอนาคตอัน ที่เรียกว่า สัมปรยัติประโยชน์ คือตัวปัจจัยในภายหน้าที่จะทำให้เราดีเดินทางไปสู่สัมปลัยอย่างปลอดภัย หลังจากละโลกไปแล้ว ต้องไปสู่ชีวิตใหม่ที่สดใสกว่าเดิม
นั่นคือ ต้องเป็นผู้ “ถึงพร้อมด้วยความกรุณา” คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ในใจเห็นพระธรรมภายในแผ่แทบ ทั้งเลื่อมใสสว่าง เห็นตลอดเวลา เลื่อมใสในพระธรรม เห็นธรรมจริงๆในใจกลางพุทธะ เท่านั้นใส่ในพระธรรม เห็นธรรมรัตนะใส่ในใจกลางพุทธะ เหลือใสในพระสงฆ์ เห็นสงฆ์ดังตะนะคือ ธรรมกายที่ละเอียดกว่า ช้อนอยู่ในกลางธรรมวัตนะ
ความเลื่อมใสจะนำไปสู่ความบริสุทธิ์ภายใน และความบริสุทธิ์นี้จะเป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย จะทำให้เราเป็นผู้ “ถึงพร้อมด้วยศาส” เมื่อกาย วาจา ใจของเราบริสุทธิ์ จะส่งผลให้ใจมีแต่ความคิดเห็นดีๆ คิดจะเสียสละ คิดจะเป็นผู้ให้ เราก็จะ “ถึงพร้อมด้วยอาคะ” สะท้อนความตะหนี่ออกจากใจ โดยเฉพาะสะอารมณ์ที่ไม่ดีออกไป ให้เหลือไว้แต่อต่ออารมณ์ดี อารมณ์สบาย อารมณ์เอยเย็น มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส มีแต่ความปรารภนดีต่อผู้อื่น
ประการสุดท้ายคือ “ถึงพร้อมด้วยปัญญา” รู้คำบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์ หรือมีประโยชน์ เป็นปัญญาทางธรรม ที่จะช่วยชี้หนทางสว่างในชีวิต ช่วยให้พ้นจากทุกข์ ไม่พลัดตกไปสู่อภิภูมิ
ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาพระสัทธรรม คำสอน ให้รู้จักประโยชน์ในโลกนี้และโลกหน้า เพื่อชีวิตจะได้ปลอดภัยทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า โดยเฉพาะปัญญาที่เกิดจากเจริญสมาธิภาวนา เรียกว่า ภาวนามาปัญญา เป็นปัญญาที่นำไปสู่ความหลุดพ้น