ประวัติศาสตร์วิปัสสนาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าสุธรรมราชามหา ธิบดี วิปัสสนาวงศ์ หน้า 57
หน้าที่ 57 / 121

สรุปเนื้อหา

ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๑ ได้เกิดการสืบทอดวิปัสสนาในวงศ์พระอรหันตะอย่างเข้มงวดตั้งแต่สมัยของสมเด็จพระเจ้าสุธรรมราชามหา ธิบดี แห่งกรุงรัตนปุระธานี โดยเฉพาะในปีพุทธศักราช ๒๑๔๓ มีการตั้งนามพระสงฆ์ผู้สืบทอดในราชทินนามต่างๆ และแม้ว่าวิปัสสนาวงศ์จะกระจายออกไปยังเขตสุวรรณภูมิ แต่ผลลัพธ์ของการปฏิบัติกลับไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน กระทั่งในปีพุทธศักราช ๒๑๙๐ กรุงเทพมหานครวิหารจตุภูมิ ก็ยังไม่มีใครสามารถบรรลุเป็นพระอริยบุคคลได้ นี่แสดงให้เห็นถึงการเสื่อมของวิปัสสนาธุระในสมัยนั้น ปรากฏชัดว่าในช่วงระยะเวลานี้ การปฏิบัติด้านคันถธุระกลับมีการเจริญเติบโตมากขึ้น

หัวข้อประเด็น

-ประวัติศาสตร์วิปัสสนา
-สมัยสุธรรมราชา
-การปฏิบัติกรรมฐาน
-พระอรหันตะ
-กระจายวิปัสสนาในสุวรรณภูมิ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ออกไป ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๑ ซึ่งในตอนนี้นิยมเรียกวิปัสสนา วงศ์ดั้งเดิมเพิ่มเติมเป็นว่าวิปัสสนาวงศ์ พระอรหันตะ แล้วก็มี พระสงฆ์เถรานุเถระพากันสืบต่อวิปัสสนาวงศ์นั้น โดยเข้มงวด กวดขันตลอดมาอีกเป็นลำดับ ตราบเท่าจนถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าสุธรรมราชามหา ธิบดี แห่งกรุงรัตนปุระธานี เมื่อปีพุทธศักราช ๒๑๔๓ ก็ยังปรากฏ นามพระสงฆ์ที่สืบเชื้อสายวิปัสสนาวงศ์พระอรหันตะ ในราชทินนาม ที่สมเด็จพระเจ้าสุธรรมราชามหาธิบดีผู้เป็นใหญ่ พระราชทานให้ว่า พระชมพูทีปธชมหาเถระ ครั้นพระชมพูทีปธมหาเถระล่วงลับดับขันธ์ไป บรรดา พระสงฆ์ที่สืบเชื้อสายวิปัสสนาวงศ์พระอรหันตะ ก็ยังคงมีกระจัด กระจายในประเทศต่างๆ แถบสุวรรณภูมิอยู่บ้าง เช่น เหล่าพระ สงฆ์สำนักจตุภูมิกวิหาร คือวิหารสี่ชั้น ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ริมฝั่ง อิรวดีมหานที ในปีพุทธศักราช ๒๑๙๐ เป็นต้น แต่ไม่มีผลการ ปฏิบัติวิปัสสนาปรากฏให้เป็นที่ประจักษ์ชัดออกมาเลยว่า ท่านเหล่า นั้นปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนได้บรรลุมรรคผล สำเร็จเป็นพระ อริยบุคคลชั้นนั้นชั้นนี้ ซึ่งเป็นเครื่องชี้ให้เห็นความเป็นไปของ วิปัสสนาธุระว่ามีความสภาวะค่อยเสื่อมถอยน้อยลงไปทุกที ซ้ำ มิหนําในช่วงระยะเวลานี้ ความเป็นไปด้านคันถธุระ กลับมีสภาวะ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More