ข้อความต้นฉบับในหน้า
เหล่านั้นก็ให้มีอาการชื่อบื้อ คือ นั่งนิ่งอัดอั้นตันปัญญา ไม่สามารถ
หาคําตอบมาให้ได้ด้วยกันทุกรูป ครั้นค่อยสอบถามความเป็นไป
ว่าเหตุไรจึงไม่ทราบ ก็ได้ความว่าพระสงฆ์ในจตุภูมิกะวิหาร แม้
จะเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากวิปัสสนาวงศ์พระอรหันตะก็จริง แต่บัดนี้
ต่างก็พากันมาละทิ้งวิปัสสนาธุระเสียนานแล้ว ทุกรูปหันมาสนใจ
ในคันถธุระ ไม่มีผู้ใดปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามเยี่ยงท่าน
บุรพาจารย์เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่ทราบว่ามีวิธีการปฏิบัติ
วิปัสสนากรรมฐานแบบวิปัสสนาวงศ์พระอรหันตะนั้น ท่านทำกัน
อย่างไร
ครั้นเมื่อได้ความอย่างนี้ พระนโมภิกขุจึงต้องแบกเอา
ความผิดหวัง เดินทางกลับมายังมหาวิหารตามคำสั่งของพระ
อาจารย์อีกครั้งหนึ่ง แล้วกราบเรียนให้ท่านทราบความทุกประการ
พระอาจารย์มหาเถระเฒ่าผู้มีจิตกรุณานั่งนิ่งฟังความ
จบแล้ว จึงกล่าวว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แล้วไป แต่ไม่เป็นไร อย่าเพิ่ง
ท้อถอย เราอยู่ทางนี้ก็พยายามสืบถามอยู่ บังเอิญมีผู้มาบอกว่า
พระอาจารย์ตรงคมหาเถระผู้มีเกียรติยศใหญ่ เป็นคณะปาโมกข์
ปกครองสงฆ์อยู่ที่มหวิหารไกลโพ้น และเป็นสหายกับเรา
เมื่อเร็วๆนี้ เขาปลงภาระในด้านคันถธุระเสียทั้งสิ้น หัน
มาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเข้มงวดกวดขัน นัยว่าได้พระ