ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต้อง 5,000 ปี หรือ 10,000 ปี แต่นี้ พระพันวารุ รูป ต้องยาวนานไปอีกไกล ตลอดชีวิตของพระเจ้าโคทาหานมีแต่การรบ แต่งเกิดศรัทธาใน อธิษฐานของสามเณร ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยได้สนทนากัน เพียงแค่มองอาการเดินของสามเณร ท่านก็คิดว่า น่าจะเป็นนักบวช เพราะดูสงบเสงี่ยมสง่างาม จึงให้หวาดเล็กไปนิ่นนิตสามเณรเข้าไปในวัง ได้ซักถามว่าสามเณรเป็นใคร และสามเณรคืออะไร เพราะท่านไม่รู้ ไรเลย นั่นหมายความว่า สามเณร นิ โครท่านต้องมีวิธีการอธิบายให้พระเจ้าโคทาหารเข้าใจ ซึ่งจิตใจของพระเจ้าโคทาหารในตอนนั้นยังวนเวียนอยู่แต่การรบเพื่อขยายอาณาจักร คำพูดของสามเณรทำให้พระราชาหยุดฟังและชวนติดตามได้ จึงไม่ใชเรื่องธรรมดา สามเณรเป็นหนอแก้กเปรียญธรรมอย่างแท้จริง การเดินดูคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา พระศาสนาพื้นกลับมาได้เพราะ “การเดิน” พระ.คาสนดังมั่นอยู่ได้เพราะ “การนั่ง” เรามาอยู่ในยุคของการฟื้นฟู จะขยายก็ต้องเดิน การเดินดูคง ๕ จังหวัด ถ้าตีจากวัดไปถึงปทุมรัตน์เจดีย์ เป็นระยะทาง ๒๓ กม. แต่เราตัดตอนโดยเอาการนั่งกับการเดินผสมกัน คือนั่งในรถเหมือนพระบรมศาสดาบรรจุธรรม พอ นั่งกลั้นจิตดีแล้วก็ยังไปเดิน เอกบุญบารมีเจาะจงให้แก่นำตโยม เราผ่านการเดินเกือบ ๕๐๐ กม. มาแล้ว คราวนี้เดินในเมือง แต่ก่อนเข้าเมืองสัก ๒ กม. ให้ตั้งแถวเพื่อส่งขบวน เพราะเราผ่านมา ปีที่ ๓ เขาบอกว่าปีนั่งตัวที่สูง ลงตั้งขบวน การเตรียมการรับรองต่าง ๆ และพระธรรมก็เองก็มีผล การปฏิบัติธรรมดี ตัวท่านเองมีความสุข ตัวเบา ไม่ร้อน ไม่หนาว และมี ประสบการณ์ภายใน คือ เดินแล้วใจไม่หลุดจากตัวเลย นิ่งอยู่ภายใน แสง สว่างเกิด บางก็ยามใจ ใบหน้า ขนาดพระผู้เฒ่าอายุ ๙๕ ยังไม่ยอมนั่งรถ เรียกว่า พระหนุ่มในขบวนพระเด่นเดินไปได้แต่ไหน พระผู้เฒ่าก็เดินไปได้เท่านั้น คอายุ ๙๕ กับคนอายุ ๒๐ กว่า เมื่อเทียบแล้วเหมือนปุ๊กกับหลาน แต่เดิน ด้วยกันได้ ไปด้วยกันเป็นทีม เพราะฝีกันมาอย่างดี กระแสดี ๆ จึงเกิด ไปทั่ว ต้องแบบนี้ ถ้าจะเผยแผ่ต้องเดิน พอใจสบายจะทำอะไรสำเร็จ ปี แรกจะทำลายคำว่า “เส้นทางเดินไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ” หลวงพอจึง ทำให้รู้ว่ามารทำได้จริง เส้นทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ขึ้นอยู่กับ ว่าเราจะเลือกทางไหน ทางสายกลางจะต้องโรยด้วยกลีบกุหลาบ ถ้าจะไป