ข้อความต้นฉบับในหน้า
เขาก็ให้ตอบตอบไม่ได้ จึงมาเล่าให้คุณยายฟัง ตอนนั้นอายุ ๑๙ - ๒๐ เจอคุณยาย ท่านก็หลับตาแล้วบอกว่า เทวดาแถวนี้ เขาเอ็นดูคุณคุณยาย ท่านว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันที่เทวดาเอ็นดู ตอนหลวงพ่อ ๗ ขวบ ก็เหมือนกัน ตอนนั้นอยู่โรงเรียนตะเภาศึกษาตามลำพัง เพราะคุณปู่คุณย่าไปจับนกกระจอก หลวงพ่ออยู่กับบอดี้การ์ดเป็นหมา ๒๕ ตัว จำได้แม่เลย มีเสียงเหมือนน้ำชายผู้เป็นที่รักมาเรียกชื่อหลวงพ่อ ห่างกันประมาณ ๓ เมตร เสียงจากประตูที่เปิดเอาไว้ หลวงพ่อจากมู้ง หมู่เดินตาม หมามไม่หวั่นสักตัว และเสียงก็ย้ายไปอยู่ที่หัวบันได หลวงพ่อก็เดินตาม แต่ไม่เห็นม anybody พอเดินไปถึงที่หัวบันได เสียงก็ไปอยู่ที่นันโดดเดียวกัน แต่ไม่หวั่นสักตัวเหมือนเดิม แล้วเสียงก็ไปถึงที่ประตูรั้ว พอหลวงพ่อเปิดประตูออกไปก็ไม่มีใคร แต่หลวงพ่อก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะเล่าไปก็ไม่ได้คาดหวังอะไร จึงมาเล่าให้คุณยายฟัง ซึ่งท่านก็บอกว่า เทวดาแถวนี้เขาเอ็นดูคุณเพราะเห็นคุณอยู่คนเดียว คล้าย ๆ ประโยคเดิม แต่เป็นคนละชุดกัน ตอนนั้น หลวงพ่อไม่ได้บ่นอะไรเลย เพราะคิดว่าเป็นน้ำชาย เสียงจะเย็น ๆ คำว่าเสียงจะเย็น ๆ นั่นเรื่องจริงนะ จะช้า ๆ เย็น ๆ แปลกดี
ตอน ๙ ขวบก็เหมือนกัน ตอนนั้นอยู่กับโยมพ่อ ๒ คนพออุ้มที่ชั้นบน หรือตกันว่า พ่อจะไปหาแม่มาให้ใหม่อีกคน จะไปแต่งงาน ทำกับให้หลวงพ่ออยู่ตามลำพัง ท่านส่งงาให้บอดี้ประตูให้ ซึ่งมีประตูเดียวหน้าด้านเดียว หลวงพ่อก็ปิดอย่างดี หน้าต่างชั้น ๒ นั้น ถ้าปิดขึ้นมาต้องเอาบนใต้พาดเหมือนเมียนมาร์บุกค่าย และถ้ามองจากหน้าต่างไปก็จะเห็นถนนนั่นระหว่างที่พักกับวัด และเมื่อมองข้ามกำแพงวัดไปก็จะเห็นป้ายชำทาเดด ตนดีก ๆ โยมพ่อส่งให้อีกอคกล่อนให้ดี หลวงพ่อก็อนงหนายหง ผ้า พวกกดีกเห็นอีกคนมานอนแทนที่โยมพ่อ นอนตะแคงหลับหลังให้ หลวงพ่อก็ไม่รู้ว่าใคร ไม่ได้ละก็ดถาม นอนไม่หลับเลย รอเมื่อไหร่จะเข้าสักที ก็ออกสังเกตแสงเงินแสงทอง แสงอรุโณทัย พอแสงลอดประตูจากพื้นที่ ก็รีบเอาพ่าหมดกลับแล้วก็รีบออกไปเลย ไม่รู้ว Core อะไร แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะเล่าแล้วก็ไม่ได้คำตอบ มาเล่าให้คุณยายฟัง ท่านก็หลับตานิ่ง ๆ แล้วบอกว่า เป็นเทวดาแถวนี้ เขาเอ็นดูคุณ เขามาอยู่เป็นเพื่อน ดีเหมือนกัน พ่อไม่อึดใดเทวดามาอยู่แทน หลวงพ่อจำไม่ได้เลย