ข้อความต้นฉบับในหน้า
ณ เวลานี้ เราสนกระแสในการสร้างบุญ ไม่ได้สนใจว่าเศรษฐกิจจะขึ้นหรือลง หรือการเมืองจะเป็นอย่างไร เราจะช่วยกันสร้างกระแสการบวช การพัฒนาวัดร้างให้เป็นวัดรุ่งไปทั่วสังฆมณฑล สร้างต้นแบบให้รู้ว่า ต้องฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญบารมี เป็นพระเถร เพื่อจะได้เป็นต้นแบบให้กับวัดอื่น ๆ และสังฆมณฑล หลวงพ่อได้ยึดอยู่เรื่อย ๆ ว่าไม่รู้ว่าจะหาใครมาบวช ก็ต้องคนสิ เป็นเทวดาบวชไม่ได้ ให้โอกาสเฉพาะคนเท่านั้น ขนาดเห็นกันชัด ๆ ยังถามเลยว่า นี่มานุษย์หรือกลัวทวดดามบวชซึ่งแต่ละวัดาหาคนในละแวกนั้นมาบวชซิได้ เราต้องลุยกันเข้าไป จะหาคนก็ต้องไปหาในหมู่ที่มีคน คนอยู่ตรงไหนก็ไปตรงนั้น ซึ่งทีมักบวช ธีลสัตว์สุดยอดเลย มีหัวใจประดุจพระบรมโพธิสัตว์ แม้เป้าหมายอยู่ที่สุดทางของจักรวาล ในระหว่างทางมีกองเพลิงกองใหญ่มหึมา ตลอดเส้นทางไม่ได้กีดกั้นกองเพลิง นึกถึงแต่เป้าหมายเป็นหลัก อุตส่ารมไม่มี ชวนบวชกันซะนั้นหันหัน แหละ นี่เราจัดบวชเป็นอาชีพ บวชฟรีก็เห็นมีวัดเรา เพราะบวชปกติจะต้องเสียเงินหากทำหันหรือเป็นแสน แต่บวชฟรีทุกอย่างให้ฟรี แต่ว่าที่พระลูกชายต้องเอาพ่อแม่มาบวชด้วย หมายความว่าเอาพ่อแม่มาบวชที่กลางกาย ให้นั่งสมาธิ ลั่นพ่อแม่ที่กลางกาย จนเห็นพ่อเป็นแก้ว เห็นแม่เป็นแก้ว จึงได้มีคำว่า พ่อแก้แม่แก้เกิดขึ้นมา เราต้องเห็นท่านชัดใสแจ่มที่กลางกายของเรา
เราก็กระตุ้นไปเรื่อย ๆ เราก็ต้องลุย เรื่องวัดร้างก็เหมือนกัน เราต้องช่วยกันพัฒนาวัด อีกหน่อยวัดร้างคงไม่มีเหลือ ถ้าเราเอาคนละเวก รอบวัดมาบวชได้ก็ดี ซึ่งจะมีผู้มีบารมีรักษาพระพุทธศาสนาฯ อยู่แล้ว เราต้องชวนมาบวช เราต้องไปสร้างศรณ์าให้เขา เขามีแต่ใจ แต่ยังไม่มีศรtha เราต้องช่วยสร้างศรณ์าให้เขาเหมือนสร้างบ้าน หรือปลูกศรtha ให้เกิดขึ้นในใจ แล้วก็ร้อนนำรวดิน ไปลอยพูดบ่อย ๆ เซิร์บ่อย ๆ ชมบ่อย ๆ อะไรที่เป็นอุปสรรคให้กำจัดไป เหมือนกำจัดวัวพิธีทางใจ ปลูกลงไปแล้วคอยหมักน้ำนำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย จึงจะเจริญงอกงาม ศรthaในพระพุทธศาสนาเจริญ พระศาสนาตั้งมั่น เราก็เอาเรื่องราวของพระสัมมา สัมพุทธเจ้าเข้าไปใส่ในใจ รดน้ำพรวนดินไปเรื่อย ๆ จนได้ราคาแห่งศรtha ที่ดูชิดซับคำสอนของพระสัมมา สัมพุทธเจ้าเข้าไปในใจ (พระลูกชาย: คำพูดของหลวงพ่อสุดยอดมาก คมมากเลยครับ) ก็เป็นเรื่องจริง
สุรโวาทประจำวัน ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ๑๖๕