ข้อความต้นฉบับในหน้า
ภายหลังพุทธบรรพีพุทธา พระพุทธศาสนาได้แพร่ขยายออกไปกว้างขวางขึ้นอีก โดยเมื่อคราวสังคัปนากรครั้งที่ 2 คณะสงฆ์มีรากฐานมั่นคง แผ่ขยายไปถึงอินเดียตอนใต้ และอินเดียตะวันตก แม้คณะสงฆ์ได้แพร่ขยายไปอย่างกว้างขวาง แต่ก็ไม่มีรีบรวบรวมศูนย์ กลุ่มสงฆ์ต่างอยู่เป็นอิสระต่อกัน และภิกษุแต่ละกลุ่มดั่งอยู่โดยเสมอภาคกัน โดยให้ความสำคัญและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยคำสอนของพระพุทธเจ้าภายในสภาพการณ์เช่นนี้ หากปฏิรูปในสิ่งที่ทายบัญญัติขึ้นนั้นให้เตือนต่อตัวเองหรือลืมปฏิรูป
6.2.2 ลักษณะในปฏิรูปแตกต่างจากเนื้อหาในพระสูตร เพราะเมื่อปัญญาตื่นแล้ว มีผลับลงต่อคณะสงฆ์ทั้งหมด
ลักษณะในปฏิรูปต้องปฏิบัติตาม หากละเมิดก็อาจตั้ง ดั่งนี้เป็นไปไม่ได่ที่ทอดคณะสงฆ์มัลหลังพุทธกาลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะมำฏิวัติพระนิษย์ขึ้น แล้วคณะสงฆ์กลุ่มอื่นจะอำรับถือปฏิรูป
6.2.3 สงฆะจะต้องประชุมกันลวดนบทยู่ในองค์ถูที่กิเดือนในอุโมส
เพราะฉะนั้นเนื้อหาได้รับการรักษาอย่างดี คณะสงฆ์ทุกกลุ่มรู้ดีว่า ลักษณะพระพุทธเจารงบัญญัติขึ้นนั้นจำนวนเท่าใด อะไรบ้าง
................................................................................
ดำที่ปรากฏในพระวินัยฝ่ายเถรวาท หมวดปาฏิยัติลักษณบทที่ 72 ดังนี้
Yo pana bhikkhu pātimokkhe uddissāmane evam vadeyya:
คำว่า ‘immeh khuddānukhuddakehi sikkhāpadhi udditthēhi,
yāvad eva kukkuccāya vihesāyā vilekhāya saṃvattanṭi,
sikkhāpadavivaṇnake paquetṭiyan ti. (Vin IV: 14316-19)
คิกิฎเมื่อมีผู้แสดงปุติในองค์อยู่ กลอ่ยนี้ว่า “ประโยชน์อะไรได้วย ลักษณะนี้ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ย้านแสดงแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อราคามูล เพื่อความมั่งมีนา ต้องอิบาตใจติ เพราะฉะนี้ล่ะขอท