ข้อความต้นฉบับในหน้า
ของนิกายเดียวกัน ก็ยังมีจำนวนข้อไม่เท่ากัน แสดงว่าการปรับเพิ่มตามความจำเป็นของพื้นที่ ในช่วงที่ไม่มีใครกล้าใช้เปลี่ยนแปลงสีกาขึ้นหมวดอื่น ๆ เพราะไม่แน่ใจว่าสีกาขาขเล็กน้อยหรือไม่
กล่าวโดยสรุปคือ ในครั้งพุทธกาล พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาใหม่ที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงถูกจับตามองสังคม และถูกร้องจับผิดโดยกลุ่มพุทธศาสนาอื่นเป็นอย่างมาก ดังปรากฏมีหลักฐานหลายแห่งในพระไตรปิฎก_dนนั้นเพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของคณะสงฆ์  ในบรรดาวัตรปฏิบัติของภิกษุที่มีอยู่จำนวนมาก วัตรปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปในละแวกบ้านสัมผัสกับประชาชนจึงถูกเลือกขึ้นมาบรรจุลงในปฏิทินให้สงฆ์สวดทบทวนทุกเดือนตั้งแต่ครั้งพุทธกาล  ทำให้เลี่ยงตราของพระวินัยนิกายต่าง ๆ มีประเด็นหลักสอดคล้องกันเพราะมีทั้งจากต้นแหล่งเดียวกันนั้นเอง  แต่หลังพุทธกาลเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ความจำเป็นในการปรับแก้ข้อสัญญัติขึ้น ประกอบกับคณะสงฆ์ทราบว่าถ้าเสมียวัตรเป็นสิกขาขนเล็กน้อยและพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้สงฆอิกขาขนเล็กน้อยได้ จึงมีการปรับแก้สิกขาขนหมดเสี้ยววัตรบ้าง เป็นที่มาของความแตกต่างกันของสิกขาขนหมดเสี้ยววัตรในพระวินัยนิกายต่าง ๆ ที่ตกทอดถึงปัจจุบัน
ดังนั้นการที่เลือกวัตรของนิกายต่าง ๆ มีจำนวนสิกขาขนขนที่ต่างกัน จึงไม่ใด้เป็นเหตุผลว่าพระวินัยเกิดขึ้นในยุคหลังพุทธกาล
6. การเกิดขึ้นของปฏิรูปโมกข์
การเกิดขึ้นของปฏิรูปโมกข์อาจแบ่งใหญ่ ๆ ได้ 2 ทฤษฎีคือ
ก. ทฤษฎีว่าคณะสงฆ์หลังพุทธกาลเป็นผุ้ย่อยอายติบาปปฏิรูปขื่น
ข. ทฤษฎีว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้รวบอายติบาปอิฒโมกข์ขึ้น