ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 7
โคตรภูบุคคลเดินสมาบัติ เพ่งอริยสัจสี่ เข้าไปทุกกาย เป็นอนุโลมปฏิโลม เมื่อหลุดพ้นจากกิเลส
สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ก็ตกศูนย์เป็นพระโสดาบัน
กายพระโสดาบัน ละกิเลสกามราคะ พยาบาท ขั้นหยาบ
กายพระสกิทาคามี ละกิเลสกามราคะ พยาบาท ขั้นละเอียด
กายพระอนาคามี ละรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา จึงเลื่อนเป็นพระอรหันต์
เข้าถึงกายพระอรหัต จิตพระองค์ผุดผ่อง ไกลจากกิเลส
เอง”
๑.๒ ควร คือ เป็นผู้ที่เราสมควรบูชาไว้เหนือสิ่งใด
๒. สมฺมาสมฺพุทฺโธ
แปลตามศัพท์ว่า “ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ” หรือ “ตรัสรู้เองโดยถูกต้อง” หรือ “รู้ถูก
“พุทฺโธ” แปลว่า “ตรัสรู้”
มีความหมายมากกว่าคำว่ารู้แจ้ง เพราะลึกซึ้งมากกว่ารู้ จึงเติมคำว่า “ตรัส” หน้า “รู้”
พระบาลีในธัมมจักกัปปวัตตนสูตรกล่าวถึงคุณวิเศษ ๕ ประการ คือ
จกฺขุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลโก......
รวมเป็นคำแปลคำเดียวว่า “พุทโธ”
พุทโธ จึงอาจแปลว่า “ทั้งรู้ ทั้งเห็น” เพราะจกข์ ญาณ์ คำนั้น
ในมหาสติปัฏฐานสูตร ใช้คำว่า ชานตา ปสฺสตา......
เป็นเหตุสนับสนุนว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น ไม่ใช่รู้เฉยๆ แต่ทั้งรู้ทั้งเห็น
พระองค์เห็นด้วยตาธรรมกาย
“ส้ม” นำหน้า “พุทธะ” เพื่อแสดงว่า ตรัสรู้เอง ไม่มีใครสอน
- พระองค์เห็นด้วยตาธรรมกาย เป็นการเห็นโดยพระองค์เอง สิ่งที่เห็นตรงตามความเป็นจริง
ไม่ใช่คาดเดาหรืออนุมาน จึงได้ชื่อว่า ตรัสรู้ หรือ “สมมาสมพุทโธ” ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
- พระองค์ตรัสรู้เองได้ เพราะความเป็น อรห์ เมื่ออำนาจสมาธิ ทำให้จิตของพระองค์หลุด
พ้น จากอาสวะแล้ว จิตของพระองค์ก็ใส บริสุทธิ์ ผุดผ่อง เพราะหยุดนิ่งนั่นเอง จึงมีสิ่งหนึ่งผุดขึ้นใน
นิ่ง ทำให้ “รู้” พระองค์ก็รู้ตามนั้นไป น้ำอุ่น แม้อิฐสักก้อนหนึ่งอยู่ก้นโอ่ง เราย่อมมองไม่เห็น แต่
เมื่อน้ำนั้น นอนนิ่งใสบริสุทธิ์แล้ว แม้แต่เข็มอยู่ก้นโอ่งเราก็เห็น
“สมมา” นำหน้า “สมพุทโธ”
“สมมา” แปลว่า “โดยชอบ” หรือ “โดยถูกต้อง”
พระองค์ตรัสรู้อะไร มีเหตุผลยันกันได้เสมอ จึงถูกต้องไม่คลาดเคลื่อน
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ทั้งเหตุและผล
พระองค์ตรัสรู้ ทั้งเหตุที่ทำให้เกิดสุขและทุกข์พระองค์ตรัสรู้ ทั้งเหตุไม่สุขไม่ทุกข์ หรือสภาพ
เป็นกลางๆ เรียกว่า อัพยากฤต
เหตุให้เกิดสุข ทรงเรียกว่า อโลภะ อโทสะ อโมหะ เพราะเป็นฝ่ายกุศล เหตุให้เกิดทุกข์เรียก
โลภะ โทสะ โมหะ เป็นฝ่ายอกุศล
ปุถุชนมักรู้กันแต่ผล สาวเหตุไม่ใคร่ถึง เช่น ทำโจรกรรมแล้วต้องไปรับโทษ ก็รู้กันขั้นหยาบๆ