ข้อความต้นฉบับในหน้า
12 สาระสำคัญพระธรรมเทศนา
โลกแบ่งเป็น ๓ คือ
๕.๑ สังขารโลก
๕.๒ สัตวโลก
๕.๓ โอกาสโลก
๖. อนุตฺตโรปุริสทมุมสาร
พระองค์เปรียบเสมือนสารถีผู้ฝึกสอนคนเป็นอย่างดี คือ ทรงมีพระปรีชาญาณ ฝึกสอนคนให้
เป็นคนดี จนบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ยื่นคำสอนเป็นศีล สมาธิ ปัญญา ด้วยอุบายสอนต่างๆ ให้ตรง
กับนิสัย เช่น ทรงเนรมิตนางฟ้าล่อพระนันทกุมาร ผู้มีนิสัยทางราคะจริต เป็นกุศโลบายให้เบื่อหน่าย
ในรูป
- ใช้อิทธิปาฏิหารย์ ปราบพระยานาคพ่นพิษให้พ่ายแพ้ ทำให้อุรุเวลกัสสปะเลื่อมใส
- การแสดงจงกรม คือเดินอยู่บนน้ำ แล้วเหาะขึ้นบนอากาศ แล้วลอยลงมาสู่เรือของอุรุเวล
กัสสปะและบริวาร เพื่อให้รู้ว่าทางที่ไปไม่ใช่ทางไปมรรคผล จนอุรุเวลกัสสปะละทิฏฐิ ขอบวชใน
พระศาสนา ทั้งนทีกัสสปะและคยากัสสปะก็ตามมาอีก ทำให้ทรงสามารถปักหลักศาสนาในกรุงราชคฤห์
๗. สตถาเทวมนุสสาน
แปลว่า พระองค์เป็นบรมครูแห่งเทวดา และมนุษย์โดยเห็นได้จากพุทธกิจ ๔ ประการ ที่กล่าว
มา แล้วว่า ยามเย็นและค่ำ เป็นครูของมนุษย์ ยามเที่ยงคืน เป็นครูของเทวดา
ในมงคลสูตร ยืนยันอีกว่า แสดงมงคลสูตรเพราะเทวดามาเฝ้าและยกปัญหาว่าอะไรเป็นมงคล
๘. พุทฺโธ
แปลได้หลายนัย แต่ในที่นี้แปลว่า “เป็นผู้บาน” หรือ “เป็นผู้เบิกบานแล้ว”
บานนั้นเปรียบด้วยดอกบัว เมื่อพระองค์ประกอบความเพียร ยังไม่ตรัสรู้ เปรียบเหมือนยัง เป็น
ดอกบัวตูม พอตรัสรู้ก็เป็นบัวบาน พระกมลก็เบิกบานเต็มที่
ส. ภควา
แปลว่า “หัก” หรือ “แจก
“หัก” หมายความว่า พระองค์หักเสียได้ ซึ่งสังสารจักร คือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ซึ่งเป็น
กำลังดันให้หมุนเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏสงสาร พระองค์จึงพ้นจากภพ ๓ ออกสู่นิพพาน
“แจก” หมายความว่า เมื่อพระองค์ตรัสรู้ ทรงรู้แจ้งสามารถจำแนกแยกแยะธรรมส่วนที่ละเอียด
ให้เห็น เช่น ทรงจำแนกขันธ์ ธาตุ อายตนะ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เป็นต้น รวมทั้งหลักธรรมอื่นๆ
ให้สาวก รู้เห็นและปฏิบัติสืบมา
พระธรรมคุณ
๑. สวากขาโต ภควตา ธมฺโม
ธรรมในที่นี้ กล่าวเฉพาะ “พระสัทธรรม”
“สวากขาโต” แปลว่า “ธรรมที่พระองค์กล่าวดีแล้ว” หมายความว่า ธรรมที่พระองค์ตรัสสอน
ล้วนส่งผลให้ผู้กระทำตามได้รับความร่มเย็นเป็นสุขทั้งทางโลกและทางธรรม