ข้อความต้นฉบับในหน้า
10 สาระสำคัญพระธรรมเทศนา
ตาทิพย์นี้ พระสาวกก็มีได้ด้วยการใช้ตามนุษย์ ซ้อนตาของกายต่างๆ แล้วเอาตาธรรมกายดู
๓.๕ ทิพพโสต
แปลว่า หูทิพย์ ใครจะพูดอะไรที่ไหนได้ยินหมด โดยเอาแก้วหูกายมนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูป
พรหม ซ้อนกันตลอดแก้วหูธรรมกาย
๓.๖ ปรจิตตวิชชา
แปลว่า ความรู้ที่สามารถทำให้ล่วงรู้วาระจิตของผู้อื่นได้ เช่นพวกยักษ์คิดจะตั้งปัญหาถามพระ
ศาสดา ถ้าแก้ไม่ได้จะจับโยนข้ามมหาสมุทร แต่ว่าพระองค์กลับถามเย้ยไปเสียก่อนว่า ปัญหานั้น
ท่านรู้มาจากพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
๓.๗ ปุพเพนิวาสวิชชา
แปลว่า ความรู้ที่ระลึกชาติหนหลังได้ เป็นอะไร เกิดที่ไหนมาแล้วบ้าง เช่น เวสสันดรชาดก
๓.๔ อาสวักขยวิชชา
แปลว่า ความรู้ที่ทำลายอาสวะให้หมดสิ้น คือ กามาสวะ ภวาสวะ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ
ไม่เหลือในใจพระองค์เลย
ข. จรณะ แปลว่า ประพฤติหรือธรรมควรประพฤติ
พระองค์ประกอบด้วยจรณะ มี ๑๕ ประการ คือ
๑. ศีลสังวร คือ สำรวมในพระปาฏิโมกข์
๒. อินทรีย์สังวร คือ สำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มิให้อารมณ์ที่จะชักความชั่วเข้ามาติดได้
โดยไม่ต้องฝืน
๓.
โภชเนมัตตัญญุตา คือ ประมาณในการบริโภคพอสมควร
๔. ชาคริยานุโยค ทรงประกอบความเพียร ทำให้พระองค์รู้สึกพระองค์ นิวรณ์เข้าครอบงำไม่ได้
๕. สัทธา ทรงประกอบด้วยศรัทธาอย่างอุกฤษฎ์ ทรงบำเพ็ญทานของนอกกาย ทานอุปบารมี
ด้วยการสละเลือดเนื้อเมื่อทำความเพียรและสละได้ถึงชีวิตเป็นทานปรมัตถบารมี
5. สติ ได้แก่ สติวินัย พระองค์ไม่เผลอในกาลทุกเมื่อ ทั้งเดิน ยืน นั่ง นอน ในมหาสติปัฏฐาน
สูตร ท่านหมายเอาสติถึง กาย เวทนา จิต ธรรม
๗. หิริ การละอายต่อความชั่ว
๔. โอตตัปปะ สะดุ้งกลัวต่อบาป
๔. พาหุสัจจะ ฟังมาก นับแต่ครั้งสร้างบารมี ทรงเอาใจใส่ฟังธรรมจากสำนักต่างๆ เช่น ที่
สำนักอาฬารดาบส อุทกดาบส ก็ได้เรียนรูปฌาน อรูปฌาน
๑๐.
อุปักกโม ความเพียรไม่ละลด เช่น ทรงบำเพ็ญพุทธกิจ ๔
- เวลาเช้าบิณฑบาต
- เวลาเย็นทรงธรรม
- เวลาค่ำทรงประทานโอวาทแก่ภิกษุ
- เวลาเที่ยงคืนทรงเฉลยปัญหาเทวดา
- เวลาใกล้รุ่งพิจารณาเวไนยสัตว์ที่จะพึงโปรด