ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 19
“นโม ตสฺส ภควโต.....เพื่อนอบน้อมพระรัตนตรัยในอดีต ปัจจุบัน อนาคต
ในทางปริยัติ
“รัตน” แปลว่า แก้ว
“ตรัย” แปลว่า สาม
“รัตน” + “ตรัย" แปลว่า แก้วสามประการ
“พุทธรัตนะ” แก้ว คือ พระพุทธ
“ธรรมรัตนะ” แก้ว คือ พระธรรม
“สังฆรัตนะ” แก้ว คือ พระสงฆ์
ทำไมนำพระรัตนตรัยมาเปรียบด้วยแก้ว ?
เพราะแก้ว หรือเพชร ล้วนเป็นวัตถุที่ทำความยินดีให้บังเกิดแก่เจ้าของหรือผู้พบเห็น แสดง
ว่าเป็นผู้มั่งมี รัตนตรัยก็เป็นที่ยินดีของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเช่นกัน
ในทางปฏิบัติ พระรัตนตรัยเป็นแก้วจริงๆ ประเสริฐเลิศกว่ารัตนะใดในสามภพ จะเข้าให้ถึง
จริง ต้องปฏิบัติให้ถูกวิธี จึงเรียกว่า “ปฏิปัตติ” แปลว่า ถึงเฉพาะผู้ปฏิบัติ
การถึงรัตนตรัยของผู้ปฏิบัติแบบต่างๆ
ผู้ปฏิบัติ
- ผู้ไม่ได้ศึกษา
พระพุทธ
พระธรรม
พระสงฆ์
พระประธานในโบสถ์
ใบลานในตู้พระธรรม
พระสงฆ์ทุกวันนี้
๒. ผู้เล่าเรียน
เจ้าชายสิทธัตถะที่ตรัสรู้
ธัมจักกัปปวัตตนสูตร
พุทธประวัติ
ใต้ต้นโพธิ์
๓. ผู้มีสติปัญญา
ศึกษามาก
คิดว่า “พุทธ” แปลว่า
ความรู้ที่ถูกดีของ
ปัญจวัคคีย์ ถึง
พระสุภัททะสาวก
องค์สุดท้าย
ตัวของท่านเองที่
ตรัสรู้ = รู้นั่นเอง
ตัวท่านเอง
รักษาความรู้ถูกรู้ดี
เป็นพระพุทธเจ้า
ไม่ให้หายไป
๔. หลวงพ่อ
ธรรมกาย
ดวงธรรมที่ทําให้เป็น
ธรรมกายละเอียด
วัดปากน้ำ
ธรรมกาย
การเข้าถึงพระรัตนตรัย ๓ แบบแรก ก็ถูกแต่ยังเข้าไปไม่ถึงแก่น เหมือนเอานิ้วไปจรดเข้าที่
กะเทาะ เปลือก และกระพี้เท่านั้น ยังไม่ถูกแก่น ของต้นไม้
การเข้าถึงพระรัตนตรัย ต้องเอากาย วาจา ใจ ที่ละเอียดจรดเข้าไปให้ถึงแก่นจริงๆ
กายสังขาร (ลมหายใจเข้าออก)
วจีสังขาร (ความตรึกตรองที่จะพูด)
จิตสังขาร (ความปรุงของจิต)
สามอย่างนี้หยุดเป็นจุดเดียวกันที่ศูนย์กลางกาย จะเข้าถึง “ดวงธรรม”
“ดวงธรรม” มีชื่อเรียกต่างๆ กันว่า