ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 37
a
เบญจขันธ์
๒๑ ธันวาคม ๒๔๙๖
นโม.....
อุปฺปชฺชนฺติ นิรุชฺฌนติ......
ในตำรา กล่าวถึง “ขันธ์ ๕” ว่ามีสภาพที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วแตกสลายไป
สพฺเพ สงฺขารา ฯ
เมื่อเห็นตามปัญญาว่าสังขารทั้งปวงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัว เมื่อนั้น
ย่อมเบื่อหน่ายในทุกข์ นี้เป็นหนทางหมดจดวิเศษ
เบญจขันธ์ ทั้ง ๕ ประกอบด้วย
รูป ๑ ได้แก่ รูป
คือ มหาภูตรูปทั้ง ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ
นาม ๔ ได้แก่ เวทนา คือ การรู้และรับอารมณ์ทุกข์ สุข ไม่สุขไม่ทุกข์ ดีใจ เสียใจ
สัญญา คือ จำรูป จำเสียง กลิ่น รส สัมผัส
สังขาร คือ ความคิดดี คิดชั่ว คิดไม่ดีไม่ชั่ว
วิญญาณ คือ ความรู้แจ้งทางทวารทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เบญจขันธ์ มีกำเนิดเป็นสังขาร ๔ แบบ คือ
๑. อัณฑชะ เกิดเป็นฟองไข่ ๑ ครั้ง แล้วฟักเป็นตัวอีก ๑ ครั้ง รวมเกิด ๒ ครั้ง เรียก เทวชาติ
หรือ ทวิชาติ
๒. สังเสทชะ เกิดด้วยเหงื่อไคล เช่น เรือด ไร เหา เล็น มนุษย์เราก็เกิดด้วยเหงื่อไคลได้
เหมือนกัน เช่น ลูกนางปทุมวดี ๔๙๙ คน เกิดด้วยมลทินของครรภ์
๓. ชลาพุชะ เกิดด้วยน้ำ เช่น มนุษย์ และสัตว์ต่างๆ
๔. อุปปาติกะ ลอยขึ้นบังเกิด ลอยขึ้นบังเกิดเป็นมนุษย์ เช่น นางอัมพปาลี เกิดที่คาคบ
มะม่วง ไม่มีพ่อไม่มีแม่ เกิดเป็นตัวขึ้นมาเฉยๆ อายุ ๑๔ - ๑๕ ปี โปกขรสาฏิยพราหมณ์เกิดใน
ดอกบัว หรือกายเทวดา กายรูปพรหม อรูปพรหม กายสัตว์นรก เปรต อสุรกาย
กำเนิดเหล่านี้ล้วนประกอบด้วยขันธ์ ๕ มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งสิ้น
ขันธ์ ๕ แบบกว้างๆ มี ๒ แบบ
๑. ฝ่ายชั่ว มีดวงธรรมที่ทำให้เกิด วัดเส้นผ่าศูนย์กลางรอบตัว ๒๐ วา มีชั่วฝ่ายเดียว ไม่มีดี
เจือปนเลย (ชั่วที่สุด) แตกกายทำลายขันธ์ เกิดในโลกันต์ รองลงไป อเวจี จนถึงเดรัจฉาน เปรต อสุรกาย
๒. ฝ่ายดี ตั้งแต่มนุษย์ ขึ้นไปถึงอรูปพรหม ถ้าทำดีไม่มีชั่วเจือปนเลย วัดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๒๐ วา กลมรอบตัว แตกกายทําลายขันธ์ไปนิพพาน