พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 9 - วิปัสสนาวิชชา และการเห็นแจ้ง ๖๙ กัณฑ์หลวงปู่วัดปากน้ำ กัณฑ์ที่ ๑-๑๐ หน้า 21
หน้าที่ 21 / 53

สรุปเนื้อหา

บทนี้กล่าวถึงหลักการของวิปัสสนาวิชชาและการเห็นแจ้ง โดยเน้นไปที่การเห็นนามรูปและความจริงของขันธ์ ๕ ผ่านการใช้ตาธรรมกาย ซึ่งนำไปสู่การปล่อยอุปาทานก่อให้เกิดการพ้นจากความทุกข์และการเข้าถึงนิพพาน พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ผู้คนเห็นนิจจัง สุขัง และอัตตา พร้อมยังแนะนำถึงฤทธิ์ทางใจและการแสดงฤทธิ์ต่างๆ เช่น มโนมยิทธิและทิพพจักขุ ที่ช่วยให้สามารถเข้าใจและเข้าถึงความจริงทางธรรมได้อย่างลึกซึ้ง.

หัวข้อประเด็น

- วิปัสสนาวิชชา
- การเห็นแจ้ง
- อนัตตาและทุกข์
- ธรรมกาย
- อุปาทานและนิพพาน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 9 อนัตตา ๓.๑ วิปัสสนาวิชชา “วิปัสสนา” ตามศัพท์แปลว่า เห็นแจ้ง เห็นวิเศษ อีกนัยหนึ่ง คือ เห็นนามรูปต่างๆ และเห็นแจ้งว่าเป็นของไม่เที่ยง เต็มไปด้วยทุกข์และเป็น เห็นได้อย่างไร ? ต้องหลับตาเอาใจจรดที่ศูนย์กลางดวงธรรม หรือดวงปฐมมรรค เพราะเห็น จำ คิด รู้ อยู่ที่นี่ อยู่ที่ตำแหน่งศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ถูกส่วนก็จะเห็นกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายรูปพรหม กาย อรูปพรหม ซ้อนเป็นชั้นๆ เข้าไป ถึงกายอรูปพรหมเป็นขั้นสมถะ ยังไม่เห็นแจ้ง เพราะยังเป็นกาย ในโลก ยังติดอยู่ในกระเปาะภพของตัว ทำให้มืดอยู่ เหมือนลูกไก่ในกระเปาะไข่ที่บังตัวเองไว้ พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญเพียรต่อไป เพราะเห็นว่ายังมีอะไรดียิ่งกว่านั้น จนบรรลุวิปัสสนาวิชชา เมื่อเห็นนามรูปด้วยตาธรรม พระองค์ได้หลุดจากกระเปาะไข่ คือโลกได้แจ้ง พระองค์รู้ด้วยญาณธรรม เป็นการเห็นก่อนรู้ ส่วนภายในโลกรู้ด้วยวิญญาณ “เห็นด้วยตามนุษย์ ไม่ทำให้บรรลุมรรคผลได้ อย่างมากก็เป็นเพียงปัจจัย เพื่อจะให้บรรลุมรรคผลเท่านั้น การเห็นด้วยตาทิพย์ ตารูปพรหม และอรูปพรหม ก็เช่นเดียวกัน เป็นเพียงปัจจัยเพื่อให้บรรลุมรรคผลเท่านั้น ต้องเห็นด้วยตา ธรรม กาย จึงจะบรรลุมรรคผลได้” พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนเน้นไปในทางอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อตะล่อมให้ผู้มีปัญญาสอด ส่องเห็นนิจจัง สุขัง อัตตา ต่อไปเอง ดังเช่น มีคน ๒ คนยืนอยู่ คนหนึ่งสูง คนหนึ่งเตี้ย ถ้าเราบอก ว่าเรา รู้จักคนสูง เขาก็ย่อมเข้าใจเองว่า คนที่เราไม่รู้จักคือคนเตี้ย อนิจจัง จึงบอกนิจจัง ทุกขังบอกสุขัง อนัตตาบอกอัตตา และ ธรรมกาย คือนิจจัง สุขัง อัตตา ต้องปล่อยอุปาทาน ที่เรียกว่า “ติด” ปล่อยได้เรียก “หยุด” เพราะพ้นจากโลภ เข้านิพพาน ปล่อยหมดให้เห็นความจริงของขันธ์ ๕ ด้วยตาธรรมกาย จึงเป็น “วิปัสสนาวิชชา” ๑๐ ประการ ๓.๒ มโนมยิทธิ แปลว่า ฤทธิ์ทางใจ เมื่อมีธรรมกาย ทำให้ใจมีฤทธานุภาพสูงจากธรรมดา นึกให้เป็นอย่างไร ก็เป็นไปตามนึก เช่น พระพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงส์ นึกให้เทวดาเห็นมนุษย์ และมนุษย์เห็นเทวดา ๓.๓ อิทธิวิธี แปลว่า แสดงฤทธิ์ให้ปรากฏต่างๆ เช่น เนรมิตจักร เนรมิตพระกาย หรือปราสาทราชฐาน ครั้งทรงทรมานพระเจ้าชมภูบดีให้ลดทิฏฐิมานะก่อนแสดงธรรม ๓.๔ ทิพพจักขุ แปลว่า ตาทิพย์ เห็นอะไรๆ ได้หมดทั้งใกล้ไกล เช่น คราวที่พระมเหศวรจำแลงตัวให้เล็กไป ซุก อยู่ในเมล็ดทรายใต้เชิงเขาพระสุเมรุ พระองค์ก็ทรงเห็น แล้วเอาฝ่าพระหัตถ์ช้อนออกมา พร้อม เมล็ดทราย
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More