ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ์ วากยสัมพันธ์ - หน้าที่ 230
อย่างนั้น มีอุทาหรณ์ดังนี้: ปุญฺญวา ปญฺญวา จาติ อิเม เทว
ชนา อิมสฺมึ โลเก ทุลุลภา, เตสุ หิ ปญฺญวาเยว ทุลลาตโร
(คันถาภรณนัย.) ความท่อนต้นแสดงคนมีบุญและคนมีปัญญาว่า
หายากในโลกโดยอาการที่ไม่แปลกกัน, ความท่อนหลังแสดงแปลก
ออกไปว่า คนมีปัญญาหายากกว่า หิ ในท่อนหลังนั้น เรียกว่า
วิเสสโชตโก เพราะส่องความที่แปลกออกไป. อุทาหรณ์ผูกไว้เป็น
ตัวอย่างดังนี้: ทานปิ กุสล์, สีลิปี กุสล์, เตสุ ปน สีล ทานโต วรตร
ตัปปาฏิกรณ์ โชตกนิบาต
အာ
5. ถ้าความท่อนต้นกล่าวอรรถไม่ปรากฏชัด, ความท่อนหลัง
กล่าวให้ปรากฏชัดด้วยข้ออุปมา, นิบาตซึ่งเป็นเครื่องหมายความข้อนี้
ในท่อนหลัง เรียกชื่อว่า ตาปาฏิกรณโชตโก หรือเรียกสั้นว่า
ตปปาฏิกรณ์ แม้ในอรรถนี้ ก็ใช้นิบาต ๓ ศัพท์นั้น, ตรงความไทย
ว่า เหมือนอย่างว่า มีอุทาหรณ์ดังนี้: นิคคหิต นาม สร์ นิสสาย
ติฏฐิติ, ตสฺม วินภูเฐ อญฺญ์ นิสสาย ติฏฐิติ, ยถา หิ สกุโณ
ย์ รุกข์ นิสสาย นิลียติ, ตสฺมี วินภูเจ, อุปปติวา อญฺญ์
นิสัยติ; เอวเมว นิคคหิต ย์ สร์ นิสสาย ติฏฐิติ, ตสฺม วินภูเจ
อญญ์ นิสสาย ติฏฐิติ (สารตฺถวิลาสินี ฎีกาคนถฏฐิ) ความท่อนต้น
ไม่ปรากฏชัด, ความท่อนหลังมีอุปมาปรากฏชัด, หิ ในท่อนหลัง
นั้นเรียกว่า ตาปาฏิกรณโชตโก เพราะส่องอรรถที่ทำความข้อนั้น