ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมาธาร วารสารวิชาการวาทศาสตร์พระพุทธศาสนา
ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 (ฉบับรวบรวมที่ 11) ปี 2563
บทที่ 1 จาก “พระพุทธศาสนาของพระศากยมุนี”
สู่ “พระพุทธศาสนามหายาน” (ตอนจบ)
“พระพุทธศาสนายุคแบ่งนิกาย”
ให้กำเนิดความหลากหลายในพระพุทธศาสนา¹
อาจารย์: “พระพุทธศาสนายุคแบ่งนิกาย” ในที่นี้ หมายเอา
พระพุทธศาสนาที่แบ่งออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ถึง 20 กลุ่ม (นิกาย)
แต่ באופןไรกตาม ใวว่านิกายต่าง ๆ เหล่านี้จะแบ่งแยกขาดออกจากกัน
โดยสิ้นเชิง เพราะต่างยอมรับการมีอยู่ซึ่งกันและกัน และต่างใช้คำว่า
“นิกายน 00” “นิกายน XX” ตั้งแต่ในสมัยของพระเจ้าอโศกนเอง ประเด็น
ที่สำคัญ คือ นิกายแต่ละนิกายยืนยันว่านิกายของตนสืบสายมา
แต่ดั่งเดิม แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมรับการมีอยู่ของนิกายอื่น ๆ ที่ไม่ใช่
นิกายนตนเช่นกัน ถ้าจะยกตัวอย่างในปัจจุบันที่พอจะเข้าใจได้ง่าย ๆ ก็อาจ
เหมือนกับการที่พรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ประกอบด้วยกลุ่มย่อย ๆ
มารวมกันเป็นพรรคใหญ่พรรคเดียวกันนั่นเอง
บางท่านอาจจะมีคำถามว่า ทำไมพระพุทธศาสนาที่แต่เดิมมี
เพียงคำสอนของพระศากยมุนีเพียงหนึ่งเดียว ถึงแบ่งแยกออกเป็น
นิกายต่าง ๆ ได้ในประเด็นคำถามนี้ อาจกล่าวได้ว่า เป็นเรื่องกรรมดา
¹ หัวข้อนี้เริ่มจากหน้า 22 เป็นต้นไป
² ผู้แปล: ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า 部派仏教 (buha bukkyō) หมายถึง พระพุทธ-
ศาสนาในยุคที่ผ่านมาแยกแยะเป็นนิกายต่าง ๆ ประมาณ 18-20 นิกาย บางแห่ง
ได้ได้ว่า 小乗仏教 (shōjō bukkyō) หรือ “พระพุทธศาสนาหยาบ” ซึ่งเป็นคำ
ที่เกิดขึ้นภายหลังจาก “พระพุทธศาสนามหายาน” ได้อธิบายขึ้นแล้ว โดยคำว่า
小乗 (shōjō) หมายถึง ยานลำเล็ก
³ ผู้แปล : ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า 正統 (seitō)