ข้อความต้นฉบับในหน้า
ด. ตุลยาธิกร ณ พนพุทธพีสมาส
คือ พุทธพิธีสมาสที่มีบท บทหนึ่งเป็นเสน่ห์ (คุณนาม, ปฏิสัมพันธ์. กริยากิ)
นามกิ, ตำรับ) อีกบทหนึ่งเป็นนามนาม เมื่อสำเร็จเป็นสมาสแล้วใช้บำเบ็ญนาม ขยายอัญญาบทนั้นเป็น
ประธาน ในรูปอภินิหารบททั้ง ๒ นี้อาจเป็นสมาสทั้งสิ้นดังกล่าว จะว่า วัตถุอภินิหารจึงเรียกว่า "ตุลยาธิกร"
ตุลยาธิกร พุทธพิธีสมาสนั้น แม่เป็น ๖ ชนิด ตามวัดติที่เชื่อมโยงกับอัญญาบท คือ
ก) ตติยาธิกรณพุทธพิธีสมาส ใช้ตุลยาธิกรณ์เชื่อมบทวิเคราะห์กับอัญญาบท
ข) ตติยาธิกรณพุทธพิธีสมาส ใช้ตุลยาธิกรณ์เชื่อมบทวิเคราะห์กับอัญญาบท
ค) จุดกิตติธิกรณ์พุทธพิธีสมาส ใช้จุดกิจติธิกรณ์เชื่อมบทวิเคราะห์กับอัญญาบท
ง) ปฐมธิกรณ์พุทธพิธีสมาส ใช้ปฐมธิกรณ์เชื่อมบทวิเคราะห์กับอัญญาบท
จ) ฉัฏฏธิกรณ์พุทธพิธีสมาส ใช้ฉัฏฏธิกรณ์เชื่อมบทวิเคราะห์กับอัญญาบท
ฉ) สัตตธิกรณ์พุทธพิธีสมาส ใช้สัตตธิกรณ์เชื่อมบทวิเคราะห์กับอัญญาบท
ตุลยาธิกรณ์พุทธพิธีสมาสทั้ง ๖ ชนิดนี้ มีคำแปลเหมือนกันหมดจึงไม่สามารถเห็นความแตกต่างกัน
ระหว่างตุลยาธิกรณ์แต่ละชนิดได้ เช่น
อาณาสโม (อารม) มีสมณแล้ว เป็น ตุลยาธิกรณ์
กิจนทิรโย (ภิกข) มีอินทรีย์ชนแล้ว เป็น ตุลยาธิกรณ์
ทินนสุภโก (ราช) มีส่วนอัคคีเมืองให้แล้ว เป็น จุดฎกติธิกรณ์
วิกกติธิโล (ภิกข) มีแม่ม่านแล้ว เป็น สัตตธิกรณ์.
จากคำแปลทั้ง ๕ ตัวอย่างที่แสดงมานี้ไม่สามารถกำหนดตรายได้เลยว่า เป็นตุลยาธิกรณ์ชนิดใด เพราะ
มีคำแปลว่า มี..... คล้ายกันหมด จึงต้องวิธีการกำหนดหาตุลยาธิกรณ์ ดังต่อไปนี้
วิธีการกำหนดหาตุลยาธิกรณ์
ให้แยกบทสมาสทั้งสองออกจากกัน แล้วเรียงไว้ตามลำดับพร้อมทั้งอัญญาบท เช่น
อาณาสโม (อารม) แยกเรียงเป็น อาณา สมาน อาราม
กิจนทิรโย (ภิกข) แยกเรียงเป็น ชิด อินทรีย์ ภิกข
ทินนสุภโก (ราช) แยกเรียงเป็น ทินน สุขา ราช
วิกกติธิโล (ภิกข) แยกเรียงเป็น วิคต คติ ธิกรณ์
พุทธนิโก (ชุนโพ) แยกเรียงเป็น พุท นิก ชนป
สมุนไพรสโล (ชุนโพ) แยกเรียงเป็น สมุน สุน สชนป