ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมอารา
วรรณารัชวาระทางพระพุทธศาสนา ฉบับรวมที่ 3 ปี 2559
Caityāsaila?), อปรโฒสฺ (Aparāsaila)[และ] อุตตราไสละ(Uttarāsaila)
ด้วยเหตุนี้ นิยายมหาลัยมิคะแตกออกเป็น สีนัยยะ และหัณนิยาย [รวมเป็นกัณฑ์]10 กล่าวว่า [1] มหาสงฺสะ [2] เอกายหาย๎ [3] โลกุตตรวาท [4] กุกุฏิทะ [5] พุทธตติยะ [6] ปัสสาวะติวาท [7] ใจตะ[8] อปรโฒสฺ [9] อุตตรไสละ
[1.2 การแตกกิจกายของนิยายสตรีะ]
สำหรับนิยายสตรีะ [ความเป็นปิณฺฑะของนิยายก็ดำรงอยู่ได้ไม่นานในเวลาร้อยปีที่สาม [เกิด] เหตุจากข้อวิวาทบางประเด็น ทำให้แตกออกเป็นสอง คือ
นิยายสรวาสติวาท(Sarvástivādīn)12 หรือเรียก[อีกชื่อว่า] นิยายเหตุวาท13 และ
----------------------------------------------------------------------
9 หากดูคำแปลที่เขียนเส้นใต้ดังนี้ 二名佛婆羅 และ 八名阿羅餠 ของฉบับ A ที่ทำการถอดเสียงชื่อเนียย "อปรโฒสฺ" แต่คำแปลที่แตกต่างกัน โดยในที่แปลฉบับ A ใช้ว่า 佛婆羅 ถอดเสียงได้ว่า "บุพพลฺ" (ปุพพลฺ) (ปุพพลฺ) จัดมาใช้ว่า อะโรธ(อ.รวณ / อปรโฒส?) หากเราดีดคำสุดท้ายคือ อโรธ เป็นคำที่ถูกต้อง คำว่า 佛婆羅 ก็ต้องเกิดความผิดพลาดจากสาเหตุใดเป็นแน่ ดังนั้นจึงทำให้เกิดคำถามว่า "เป็นคำแปลของคำว่า 'อปรโฒส' หรือไม่" ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่า การมีชื่ออรรถาย佛婆羅 อยู่ในยุคสมัยนั้น จึงก่อให้เกิดความสับสนหรือไม่ กล่าวคือ คำว่า 佛婆羅อาจเป็นชื่อเนียยปุรฺฺวา ซึ่งเมื่อตีความดูในคัมภีร์ทีปวรรค ก็พบว่ามีนยายปุพลเสละ และอปรโฒสละ ดังนั้น หากเทียบเคียงกับนิยายในคัมภีร์ทีปวรรค นิยายอปรโฒสฯ-กนในคัมภีร์ทีปวรรคคือ นิยายอปรโฒสในฉบับ A
(เชิงอรรถ อ่านต่อหน้า 69)