ข้อความต้นฉบับในหน้า
Bareau (2013:59) ได้ให้ข้อมูลซึ่งบางหวังอาจจะไม่ตรงกับประเด็นนี้มาก
เช่น ในคำภิทธกว่าตถุดฺ ถวด ที่กล่าวว่า Manussalokakathā(Kv: 559-560;
อภิก.37/1733/592-1736/593). คำภิทธกว่าตุดฺอรฺถถา ได้อธิบายว่
ความเห็นนี้เป็นความเห็นของนิทานอุตตลกฺล (Kv-a:172; อภ.ปฏจ.อ.
81/558 แปล.มจร). เมื่อพิจารณาดูว่า พระสุตทินี่ยอดถุลลลกะได้้นำ
มาเป็นข้อสนับสนุอคือ
bhagavā loke jāto loke sam|vaddho lokaṁ abhibhuyya vihara-
ti anupalitto lokena ti suttam...(SN III: 140; Kv-a: 172)
แปล: พระสุตกล่าวว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบังเกิดในโลก ทรงเจริญ
ในโลก [[แต่]เป็นผู้ไม่ถูกโลกแปดเปื้อน ครองบังโลกอยู่”
สำหรับประเด็นนี้ คำภิทธกว่ากาตวอธิบายว่า ได้อธิบายว่า นิทายน์มีความ
เห็นว่า “พระพุทธเจ้าดำรงอยู่ในอรรถสังวรณ์สุดิต และที่ปรากฏตัวในโลก
มนุษย์เป็นปุรนิวิรติ”
หรือในหัวข้อที่กล่าวว่า “โหทารของสมเด็จพระพุทธเจ้าผู้ควันต์ เป็นโลกฏต-
ตระ” (Kv: 221-225; อภ.ก.37/671/244-690/249) คำภิทธกว่าตถุดฺอทุตรส-
กาตวอธิบายว่า เป็นความเห็นของนิทานอันตกะ (Kv-a: 60-61; อภ.
ปฏจ.อ. 80/568-569 แปล.มจร)
แต่ที่ตรงกับความเห็นนี้คือ คำภิทธกว่ Nikāyabhedavibhanga vyākhyāna
ของ Bhavya กล่าวว่าจะเป็นมิตรร่วมกันของนิทานเอกอิริยาบถิ์ดูรายละเอียด
เพิ่มเติมที่ Teramotto and Hiramatsu (1935: 10)
สำหรับคำภิทธกว่ Samayabhedo paracanacakrasyanikāyabhedo-
padarśanānaṃasama graha กล่าวว่าเป็น ความเห็นของนิทานโลโกตร-
วาทะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Teramoto and Hiramatsu (1935: 36).