ข้อความต้นฉบับในหน้า
รวมพระธรรมเทศนา ๓
- พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธ ม ม ชโย)
35
เศรษฐกิจจะตกต่ำ แต่จิตใจของผู้คนจะต้องสูงขึ้น เพื่อให้กระแสแห่งความดี
ฉุดวิกฤตการณ์นั้นขึ้นมา และเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างให้กลับดีขึ้นตามไป
ด้วย ดังเรื่องของ ท่านเมณฑกเศรษฐี
ในสมัยนั้นได้เกิดทุพภิกขภัยทั่วเมือง ท่านเศรษฐีจึงเรียกบริวารมาแล้ว
กล่าวว่า “ตอนนี้เกิดภาวะขาดแคลนทั่วเมือง ขอให้ทุกคนรักษาชีวิตของตนให้ดี
ใครจะย้ายไป อยู่ที่อื่น หรือจะอยู่กับเราก็ตามใจ” แล้วต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป
ส่วนบ้านของเศรษฐี มีคนเหลืออยู่เพียง ๕ คน คือ ท่านเศรษฐี ภรรยา
ลูกชาย ลูกสะใภ้ และคนรับใช้ เมื่อนำข้าวที่ฝังไว้ในหลุมมาบริโภคจนหมดแล้ว
ก็นำข้าวที่ฉาบทาฝาบ้านมาแช่น้ำ คัดเอาเฉพาะข้าวเปลือกมาตำ แล้วหุง
บริโภคกัน
จนเหลือมื้อสุดท้าย ภรรยาท่านเศรษฐีจึงได้แบ่งข้าวออกเป็น ๕ ส่วน
แบ่งให้ทุกๆ คนเท่ากัน ในขณะที่กำลังจะบริโภคอยู่นั่นเอง พระปัจเจกพุทธ
เจ้าพระองค์หนึ่ง เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ตั้งใจจะมาโปรดท่านเศรษฐี
เมื่อเศรษฐีเห็นเข้าก็เกิดความเลื่อมใส คิดว่า “การที่เราประสบภัย
หนักอย่างนี้ ก็เพราะเราไม่ได้ให้ทาน ข้าวมื้อนี้ก็เพียงแค่อิ่มเดียว แต่ถ้าเรา
ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า จะทำให้เรามีความสุขไปนับภพนับชาติไม่ถ้วน”
คิดดังนั้นแล้ว ท่านจึงบรรจงตักข้าวใส่บาตร พอตักไปได้ครึ่งหนึ่ง
พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ปิดฝาบาตร เพื่อให้เศรษฐีเอาไว้รับประทานเองบ้าง แต่
เศรษฐีอยากจะถวายหมด จึงได้อ้อนวอนให้ท่านเปิดฝาบาตร เพื่อรับอีกครึ่ง
หนึ่งที่เหลือ เพราะไม่ได้หวังเพียงแค่ความสุขในชาตินี้เท่านั้น แต่ปรารถนา
ความสุขในชาติหน้าด้วย ในที่สุดพระปัจเจกพุทธเจ้าได้อนุเคราะห์รับข้าวจน
หมด และทุกคนในบ้านก็พร้อมใจกันถวายทานจนหมดเช่นกัน
ท่านเศรษฐีเกิดความปีติเบิกบานใจ ที่ได้ถวายทาน สร้างมหาทานบารมี
จนหมดในครั้งนี้ จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า