ข้อความต้นฉบับในหน้า
รวมพระธรรมเทศนา ด
- พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธ ม ม ชโย)
30
ข้าวยาคูและปลาตะเพียน หลังจากที่พระเถระได้ฉันภัตตาหารเสร็จเรียบร้อย
แล้ว ก็ได้นำอาหารส่วนที่เป็นของสามเณรกลับมายังที่พัก
ขณะนั้นสามเณรกำลังเจริญภาวนา เป็นผู้มีความเพียร มีจิตตั้งมั่นหยั่ง
ลงสู่สมาธิ ได้บรรลุผล ๓ คือโสดาปัตติผล สกทาคามิผล และอนาคามิผล
พระบรมศาสดา ทรงทราบเรื่องของสามเณรโดยตลอด ด้วยพระสัพพัญ
ญุตตญาณ ดำริว่า “บัดนี้ สามเณรได้บรรลุอนาคามิผลแล้ว และอุปนิสัยแห่ง
อรหัตตผลของสามเณรนั้นมีอยู่ สารีบุตรซึ่งยังไม่ทราบถึงการบรรลุธรรมของ
เธอ จะนำอาหารมาให้ ซึ่งจะทำให้การบำเพ็ญสมณธรรมของเธอเสียไป”
พระพุทธองค์จึงเสด็จไปดักรอพระสารีบุตรที่ซุ้มประตู เมื่อพระสารีบุตร
มาถึง พระพุทธองค์ได้ตรัสถามปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องอาหาร เวทนา รูป
และผัสสะ ขณะที่พระสารีบุตรกำลังตอบปัญหาของพระพุทธองค์อยู่นั่นเอง
สามเณรบัณฑิตก็ได้บรรลุอรหัตตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย พระองค์
ทรงทราบด้วยพระญาณแล้ว จึงทรงอนุญาตให้พระสารีบุตรนำอาหารไปให้
สามเณรได้
บ่ายวันนั้น ขณะที่พระภิกษุทั้งหลายกำลังสนทนากัน ด้วยเรื่องการ
บรรลุอรหัตตผลของสามเณรบัณฑิต เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จมา พระองค์
ได้ตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย ! ในเวลาผู้มีบุญบำเพ็ญสมณธรรม จันทเทพบุตรฉุด
รั้งมณฑลดวงจันทร์ไว้ สุริยเทพบุตรฉุดรั้งมณฑลดวงอาทิตย์ไว้ ท้าวมหาราชทั้ง
๔ ได้ยืนอารักขาทั้ง ๔ ทิศ ท้าวสักกเทวราชยืนอารักขาที่ประตูห้องพัก แม้
เราตถาคตก็มิอาจนิ่งอยู่ได้ ยังต้องไปยืนอารักขา เพื่อบุตรของเรา ที่ซุ้มประตู
ธรรมดาบัณฑิต เห็นคนไขน้ำเข้านา เห็นช่างศร ดัดลูกศรให้ตรง เห็น
ช่างถากไม้แล้ว ย่อมถือเอาเหตุนั้นเป็นอารมณ์ มีปัญญารู้แจ้งแทงตลอด
ในอรหัตตผลได้”