ข้อความต้นฉบับในหน้า
รวมพระธรรมเทศนา ด
- พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธ ม ม ชโย)
40
หรือบุคคลเหล่านั้น เราก็นำใจของเรากลับเข้ามาหยุดนิ่งอยู่ภายใน ให้ใจอยู่
กับเนื้อกับตัว
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก เราไม่มีเวลามากพอที่จะเสียเวลาไปกับเรื่อง
ไร้สาระ เพียงแค่เราตามดูจิตของเรา ให้รู้เท่าทันกิเลส ไม่ให้ใจตกอยู่ในอารมณ์
โลภ โกรธ หลง ไม่ให้ฟุ้งซ่าน ไม่ให้ขุ่นมัว แค่นี้ก็หมดเวลาไปวันหนึ่งๆ แล้ว
เพราะฉะนั้นอย่ามัวเสียเวลาขุ่นมัวกับคนรอบข้าง อย่าไปถือสา
ในความไม่สมบูรณ์ของเขา อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ควรให้อภัยกัน ถ้าเรารู้จัก
ปลด ปล่อยวางอย่างนี้ ใจของเราจะปลอด โปร่ง เบา สบาย เป็นเหตุให้
เข้าถึงธรรมได้อย่างง่ายดาย
ในอดีต มีพระราชาแห่งแคว้นกาสี ทรงพระนามว่า “พระเจ้าพรหมทัต”
ท่านทรงมีกำลังทรัพย์ กำลังคน และพาหนะมากมาย ส่วนแคว้นใกล้เคียงชื่อ
ว่า แคว้นโกศล มีพระราชาพระนามว่า “พระเจ้าที่มีติ” ทรงมีกำลังน้อยกว่า
พระเจ้าพรหมทัตได้ยกกองทัพไปโจมตีแคว้นโกศล ฝ่ายพระเจ้าที่มีติ
เมื่อทราบข่าว ดำริว่า “เมืองของเราเป็นเมืองเล็ก ไม่อาจจะต้านทานศึกครั้งนี้
ได้ ถ้าเราฝืนต่อสู้ไป ผู้คนก็จะล้มตายกันมาก เราไม่อยากให้ใครต้องตาย
ดังนั้นเราควรจะสละเมือง”
เมื่อคิดดังนั้นแล้วทรงพาพระมเหสีหนีออกจากพระ นครไปอยู่ในป่า
อาศัยอยู่กับนายช่างหม้อ ทรงปลอมพระองค์เป็นปริพาชก อยู่มาไม่นาน พระ
มเหสีได้ตั้งครรภ์ ให้กำเนิดโอรสพระนามว่า “ทีฆาวุกุมาร”
เมื่อพระโอรสเติบโตขึ้น พระเจ้าที่มีติก็ส่งโอรสไปศึกษาศิลปวิทยาอีก
เมืองหนึ่ง เพราะคิดว่าหากอยู่ด้วยกัน เมื่อมีภัยเกิดขึ้นก็จะตายกันเสียทั้งหมด
ต่อมาได้มีพรานป่าเข้าไปล่าสัตว์
แล้วหลงทางไปพบกับพระเจ้าที่มีติ
พระองค์ได้ให้ความช่วยเหลือพรานป่า ด้วยพระเมตตา ฝ่ายพรานป่าจำได้ว่า
นี่คือพระราชาแห่งแคว้นโกศล ด้วยความโลภ อยากได้รางวัล จึงนำความนี้ไป