ข้อความต้นฉบับในหน้า
รวมพระธรรมเทศนา ๓
: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธ ม ม ซ โ ย)
56
เย็นวันหนึ่ง ในขณะที่พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมแก่มหาชน นาง
ได้เดินเข้าไปท่ามกลางฝูงชน แล้วยืนต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ แล้วได้
พูดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
“พระองค์น่ะ ดีแต่แสดงธรรมให้คนอื่น หม่อมฉันครรภ์แก่แล้ว ไม่เห็น
มาสนใจเลย ทำไมพระองค์ไม่รีบไปหาสถานที่ สำหรับคลอดลูกเราล่ะ ถ้าหาก
พระองค์ไม่ทำเอง ก็น่าจะบอกอุปัฏฐากให้จัดการให้ก็ได้”
นางได้ด่าบริภาษพระตถาคตเจ้าในท่ามกลางพุทธบริษัท โดยไม่มี
ความละอาย พระพุทธองค์ทรงนิ่งอย่างประเสริฐ แล้วตรัสด้วยพระสุรเสียง
อันสงบราบเรียบว่า
ที่รู้กัน”
“ดูก่อนน้องหญิง คำที่เธอกล่าวนั้น มีแต่เพียงเราและเธอเท่านั้น
แล้วทรงนิ่งด้วยพระพักตร์ที่เป็นปกติ มหาชนที่มีศรัทธาตั้งมั่นก็ไม่
หวั่นไหว แต่ผู้ที่มีอินทรีย์ยังอ่อนอยู่ก็เริ่มไขว้เขว เกิดความคลางแคลงสงสัย
นางจิญจมาณวิกายังคงยืนบริภาษด่าว่าอยู่คนเดียว โดยมิได้หยุดปาก
จนเป็นเหตุให้อาสนะของท้าวสักกะมีอาการร้อน จึงสอดส่องทิพพจักขุลงมา ทรง
ทราบว่านางจิญจมาณวิกาได้กล่าวหาพระตถาคตด้วยคำที่ไม่จริง
จึงดำริว่า
เราจะต้องชำระคดีนี้ให้หมดจด แล้วเสด็จมาพร้อมกับเทพบุตร ๔ องค์ เทพบุตร
ได้แปลงเป็นลูกหนูเข้าไปกัดเชือกที่ผูกท่อนไม้เอาไว้ แล้วทำลมให้พัดผ้าห่มขึ้น
นางมัวแต่ยืนด่า ไม่ทันรู้ตัว ไม้กลมที่มัดไว้ ก็กลิ้งตกลงบนหลังเท้าของนางได้
รับความเจ็บปวด เมื่อความเป็นจริงปรากฏขึ้น นางตกใจมาก มหาชนที่รู้
ความจริง ต่างพากันไล่ทุบตีนาง นางจึงรีบวิ่งหนีไป
เมื่อลับคลองจักษุ คือลับจากสายตาของพระตถาคต แผ่นดินไม่
สามารถจะรองรับกรรมอันชั่วช้าที่นางได้ทำไว้ จึงแยกออกเป็นช่อง แล้ว
เปลวไฟก็ตั้งขึ้นจากอเวจีมหานรก ดึงดูดนางลงไปสู่อเวจีมหานรกทันที