ข้อความต้นฉบับในหน้า
รวมพระธรรมเทศนา ด
- พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธ ม ม ซ โ ย)
69
ของพวกภิกษุเกิดความไม่สงบ มีความกลัว หวาดผวา ทำให้ใจฟุ้งซ่านไม่เป็น
สมาธิ การบำเพ็ญสมณธรรมก็ไม่ก้าวหน้า มีแต่จะแย่ลงไปทุกวันๆ
ท่านจึงได้ปรึกษาหารือกันว่า ที่แห่งนี้ไม่เป็นสัปปายะเสียแล้ว เราควร
จะย้ายไปจำพรรษาในที่แห่งใหม่ดีกว่า จึงตัดสินใจเก็บเครื่องบริขาร บาตร จีวร
กลับไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งประทับอยู่ที่เมืองสาวัตถี
พระผู้มีพระภาคเจ้าทอดพระเนตรเห็นภิกษุเหล่านั้นกลับมา จึงตรัสว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราบัญญัติสิกขาบทไว้ว่า ภิกษุไม่ควรเที่ยวจาริกไปใน
ระหว่างพรรษา เพราะเหตุไรพวกเธอจึงยังจารึกกันอยู่เล่า”
ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ทรงทราบ พระองค์
ทรงทราบว่าภิกษุเหล่านี้ไม่ได้แผ่เมตตาให้แก่เหล่าเทวดา จึงให้โอวาทว่า
“พวกเธอจงอยู่ในที่นั้นนั่นแหละ เธอจักได้บรรลุธรรม ถ้าพวก
เธอปรารถนาความไม่มีภัยจากเทวดาทั้งหลาย ก็จงตั้งเมตตาจิตให้เกิดขึ้น
แก่เทวดาทั้งหลาย เพราะเมตตาธรรมนี้เป็นธรรมาวุธสำหรับภิกษุในพระ
ธรรมวินัยนี้”
พุทธองค์ทรงสอนวิธีการแผ่เมตตาว่า พึงเจริญเมตตาจิตในสัตว์
ทั้งหลาย ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุข ปราศจากทุกข์ มี
ความเกษมสำราญ ขอให้เข้าถึงความสุข มีความรักและปรารถนาดีต่อ
กันและกัน เหมือนมารดารักษาบุตรน้อย แม้ชีวิตก็ยอมสละได้
เมื่อภิกษุเหล่านั้นได้ธรรมาวุธจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว มีจิตอาจหาญ
กลับไปจำพรรษาในราวป่าแห่งนั้นอีกตามเดิม เมื่อไปแล้วก็หมั่นเจริญเมตตา
จิต สวดมนต์พระปริตร ทำให้เทวดาเหล่านั้นเกิดความเมตตา มีความรัก
และปรารถนาดีต่อภิกษุเหล่านั้น จึงมิได้แสดงอาการน่าสะพึงกลัวอีกต่อไป
แต่เกิดปีติโสมนัสว่า พระคุณเจ้าทั้งหลายได้หวังประโยชน์ใหญ่ให้เกิดแก่พวก
เรา ให้พวกเราได้รับบุญกัน เหล่าเทวดาจึงพากันเก็บกวาดเสนาสนะ จัดแจง
น้ำร้อน น้ำเย็น จัดการอารักขาให้ภิกษุเหล่านั้น