ข้อความต้นฉบับในหน้า
รวมพระธรรมเทศนา ด
- พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธ ม ม ชโย)
49
ในเวลาย่ำรุ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรวจดูสัตว์โลกว่า ผู้มีบุญ
ท่านใดหนอ จะเข้ามาในข่ายพระญาณ ทรงทราบว่าพระมหากัปปินะออกผนวช
อุทิศเฉพาะพระองค์ จึงทรงเหาะไปประทับรออยู่ใต้ต้นไทรใหญ่ ทรงนั่งสมาธิ
คู้บัลลังก์ แล้วเปล่งฉัพพรรณรังสีไปหาพระราชา จนทำให้บริเวณนั้นมีสีเหลือง
ทองอร่ามเปล่งปลั่งดั่งทองคำ
พระมหากัปปินะพร้อมอำมาตย์ เห็นฉัพพรรณรังสีส่องสว่างนำทาง
จึงดำริว่า แสงสว่างนี้ไม่ใช่แสงของดวงจันทร์ ไม่ใช่แสงของดวงอาทิตย์ ไม่ใช่
รัศมีของเทวดา พรหม อรูปพรหม จะต้องเป็นแสงแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า แน่
นอน ทรงเสด็จตามแสงนั้นไป แล้วน้อมพระวรกายเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม อันไพเราะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์
พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะ งดงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย
โปรดพระราชาและอำมาตย์ทั้งหลาย ทำให้พระมหากัปปินะพร้อมอำมาตย์ มี
ใจสงบ หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน บรรลุธรรมเป็น
พระโสดาบัน และได้รับการอุปสมบทจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ฝ่ายพระมเหสีพร้อมภรรยาอำมาตย์ เมื่อได้ทราบข่าวการบังเกิดขึ้น
ของพระรัตนตรัยจากพ่อค้าแล้ว ทรงปีติยินดี ได้พระราชทานทรัพย์ถึง ๙ แสน
เป็นรางวัลให้แก่พ่อค้า
แล้วตรัสว่า “บัดนี้ พระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นแล้ว พระราชาทิ้งราช
สมบัติให้เรา ทำให้เราเป็นทุกข์ สมบัตินี้อุปมาเหมือนพระเขฬะ หรือน้ำลาย
ที่พระองค์ทรงบ้วนทิ้งแล้ว เราไม่อาจจะรับได้ เราจะออกบวชเช่นกัน”
บรรดาภรรยาอำมาตย์ก็ขอออกบวชด้วย ทั้งหมดได้ออกเดินทางไป
เข้าเฝ้าพระบรมศาสดา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบด้วยญาณทัสสนะ ถึงการเสด็จมา
ของพระมเหสีและภรรยาอำมาตย์ เพื่อให้ใจของทุกคนคลายจากความตื่นเต้น
มีใจสงบ พร้อมที่จะรองรับธรรมะอันบริสุทธิ์ได้ จึงทรงแสดงปาฏิหาริย์ ด้วย