ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า รับสั่งว่าให้พระโมคัลลานะไปก่อน แล้วพระองค์จะตามไปภายหลัง
ในที่สุด พระโมคัลลานะท่านก็ไปโดยลำพัง ไปยังอยู่ในบรรพตของอัครคิดตตาบาส และกล่าวกับอัครคิดตาบาสว่า “อัครคิดตา เราขออาศัยอยู่ที่นี่ ขอให้ท่านช่วยชีลสถานที่เราจะอาศัยด้วย”
อัครคิดตาบาสนั้นเป็นผู้สาวด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิมากด้วยมานะทิฏฐิ จึงคิดว่าเราเป็นถึงอภิโรหิตของพระเจ้าแผ่นดินถึง 2 พระองค์ ใครก็เคารพนับถือเราทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าเรียกชื่อของเราแบบนี้ เกิดความไม่พอใจ จึงบอกกับพระโมคัลลานะว่า “ไม่มี ตรงนี้ ไม่มีก็สำหรับท่านหรอก”
พระโมคัลลานะท่านก็ไม่ชอบแพ้ บอกกับอัครคิดตาบาสว่า ปกติมนุษย์ก็เข้าอยู่ในหมู่มนุษย์ โคเข้าอยู่ในโค นักบวชก็ต้องอยู่ในหมู่ของนักบวช เพราะฉะนั้นท่านช่วยซีเทอะว่า ที่เราควรจะอยู่เนะ อยู่ที่ไหน”
อัครคิดตาบาสตอบว่าไม่มีหรอก แต่พระโมคัลลานะยังคงยืนยันว่าจะอาศัยอยู่ที่ตรงนี้ ในที่สุดอัครคิดตาบาสจึงบอกว่า มีอยู่แห่งหนึ่งนะ คือที่กองทรายที่ตรงโนน มีอยู่ที่เดียวเท่านั้น ถ้าท่านอยากอยู่ก็ตามใจท่าน
พระโมคัลลานะท่านก็ไปกองทราย ได้พบกับพญานาค ซึ่งหงายแห่นที่อยู่ ก็โกรธที่อยู่ดี ๆ มีคนจะมาแบ่งที่พักอาศัย จึงเกิดการประลองลูกกันขึ้นด้วยอนุภาพของพญานาค ได้บันดลให้เกิดเปลวเพลิงขึ้น เรียกว่า การบังหวนควัน ซึ่งเป็นเปลวเพลิงที่มีฤทธิ์ร้อนแรงมาก สามารถเผาทุกสิ่งให้ไหม้เป็นจุณได้ แต่พระโมคัลลานะ ไม่ได้กลัวเลย เพราะท่านเป็นเลิศในทางมีฤทธิ์มาก จึงเข้าคมเตโชสมาบัติ ทำให้เกิดเปลวไฟที่ร้อนแรงยิ่งกว่านั้นอีก
พญานาคคู่ไม่ได้นิ่ง ก็ในที่สุดต้องยอมแพ้ แล้วอนขุดตัว แต่พังพาน บังแดด บังฝนให้พระโมคัลลานะ ท่านได้รังสรมอธิอยู่บนกองทรายตลอดทั้งคืน
พันธะเช้ อัครคิดตาบาสสั่งให้ชี้วิธารตามไปดูว่า ป่านนี้บาวซ่านั้นคงละลายไปแล้ว ด้วยอนุภาพแห่งพญานาค ปรากฏว่าเห็นพระโมคัลลานะนั่งอยู่บนกองทราย โดยมีพญานาคขดเป็นวงกลม แผ่พังพานคอยปกป้องอันตรายให้ จึงบังเกิดความเลื่อมใส