ข้อความต้นฉบับในหน้า
วิธีปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรม หที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนํามุ่งมั่นในสมาธิ นั่น เนื่องจากว่าชีวิตของทุกๆ คนที่เกิดมามีความทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น และมีความปรารถนาที่จะสรวงหาหนทางพันทุกข์
ในสมยก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้ ได้วิธีแสดงหา ความพ้นทุกข์ โดยเข้าใจว่าจะทำให้เข้าถึงความสุขอันเป็นอมตะอยู่ 2 วิธี คือ
1. อัตตกิลมานยูโทค พวกที่ปฏิบัติผิดเกินไป
2. กามสุขัลลิกานุโวค พวกนี้ก็หย่อนเกินไป
พวกที่ผิดเกินไปมีความเห็นว่า ต้องทรมานตัว ทรามานกาย ทรมานใจ ให้ผู้ที่อามาจสูงสุด ซึ่งสมมติเรียกว่า พระผู้เป็นเจ้า ให้ท่านเห็นใจ สงสาร จะได้ช่วยให้พันทุกข์ จึงทรมานตัวเองให้ได้รับความลำบาก ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ อีกประเภทรหนึ่งคือปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกระแสโลก ของโลก คิดว่าจะพันทุกข์ได้ จะต้องแสดงหาความสนุกเพลิดเพลินในทางโลก มนุษย์ในยุคนั้นมีความเชื่อกันอย่างนี้
จนกระทั่งพระพุทธเจ้าของเรา ทรงอุบัติขึ้นในโลก ท่านได้ทรงทดลองพิสูจน์ทั้ง 2 วิธีการ แล้วทรงเห็นว่าไม่ใช่หนทางบรรลุผล ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าองค์ไหน ที่จะช่วยลดบันดาลให้พันทุกข์ได้ หรือการสนุกสนานเพลิดเพลินในทางโลก มันเป็นเพียงการลบทุกข์เท่านั้นเอง ไม่ใช่เทคนิค หลังจากเลิกสนุกแล้ว ก็กลับมาทุกข์เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นจึงไม่พันทุกข์ได้ ในที่สุดทรงพบหนทางสายกลาง เป็นทางดำเนินของจิตเข้าไปสู่ความหลุดพ้นภายในโดยตั้งต้น ณ กลางกายของมนุษย์
หนทางสายกลางที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบนี้ ถ้าปฏิบัติตามแล้วจะมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น คือ จักขุภาวะ ธรรมจักจะเกิด ญาณภาวะ ญาณเป็นเครื่องรู้รู้เกิด อุปสมะ จะเข้าไปสู่บง สังขารทั้งหลาย อธิษฐานเป็นไปเพื่อให้ได้อธิษฐาน คือความรู้ที่ทางพระพุทธศาสนา ยิ่งกว่าความรู้ทั้งหลายในโลก เช่น มุทัพย์ ตาทิพย์ ฯลฯ ฯลฯ รู้วาระจิต มีอิทธิฤทธิ์ แสดงฤทธิได้ ทำอาสาให้สิ้นได้ สังโภร ยังรู้รอบหมดทุกอย่าง รู้ได้รอบตัวนิพพานาย เพื่อพระนิพพาน นี้หนทางสายกลางของท่าน ถ้าปฏิบัติแล้วจะได้อย่างนี้