ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน มงคลสูตร ตอนหนึ่งว่า
ภูฏฐสุส โกลมมปิ จิตติ ยสส น กุมฺปติ
อโลโก วิริช เขม เอตมมงฺคลมุจฺฌตม
จิตของผู้ใด อันโลธรรมทั้งหมดถูกต้องแล้ว ไม่หวั่นไหว ไม่เศร้าโศก ปราศจากความขุ่นมัว เป็นแดนเกษมจากโยคะ ได้ชื่อว่าเป็นมงคลอันสูงสุด
ธรรมาดาของผู้ที่มีจิตใจมั่นคง ย่อมไม่หวั่นไหวในโลกธรรม คำว่าโลกธรรม คือธรรมประจำโลกนั้นเอง มีทั้งสิ่งที่พิสูจน์ปรารถนา และสิ่งที่ไม่พิษปรารถนา ลา ยศ สรรเสริญ สุข เป็นสิ่งที่พิสูจน์ปรารถนา แต่เสื่อมลา เสื่อมยศ
นิทน ทุ Soc เสนียม ที่ไม่พึ่งปรารถนา
ใครๆ ก็อยากได้ความสมปรารถนากันถ้วนหน้า เช่น อยากมีโชค มีทรัพย์สมบัติฟังพร้อม อยากได้รับการยอมรับนั่น มียศ มาตาแห่งงุ่งลุงๆ ไปไหนก็มีแต่คนนิยมสรรเสริญ มีความสุขกายสุขใจเนืองนิยาย สิ่งเหล่านี้เป็นที่ปรารถนาของมนุษย์ทุกคน
แต่ในความเป็นจริง บางครั้งชีวิตของเราไม่ปรารถนาอะฉะ แต่เราก็ต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นิทน ทุข์ เราไม่ปรารถนาจะพบ แต่บางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้ อย่าแต่เราเลย แม้แต่พระรัหันต์ท่านยังถูกนินทาเลย
ในสมัยพุทธกาล มีอาสาสีอึดดลุ กับพวกพ้องอีก ๕๐๐ คน ได้มาที่วัดพระเชตวัน ตั้งใจมาฟังธรรม พอมาถึงสำนักของพระเรวตะ ท่านกำลังเจริญภาวนาเข้า นามสมบัติอยู่ เพราะท่านมีฤทธิ์เดชในกสิลรัง ชอบทำความสงบเย็นๆ จึงไม่ได้พูดคุยอะไรกับอุปถัมป์
อุปถัมป์นั้นจึงโกรธท่าน แล้วก็กลุ้มขึ้นเดินจากไปด้วยความไม่พอใจ จนไปยังสำนักของพระสัจจุตร ท่านก็ถามว่า “โยมมาด ตอยได้อะไรละ” อุปถัมป์ตอบว่า “กระผมมา เพราะอยากฟังธรรม”